ไม่ว่าจะเป็นคนในช่วงวัยใด จะเรียนหนังสือหรือว่าทำงาน ถ้าเราอยู่ในองค์กรที่มีระบบวันทำงาน วันหยุดที่ชัดเจน คนส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกับการเรียนหรือทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และหยุดในวันเสาร์-อาทิตย์
ใครที่หนักหน่อยก็หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์กันไป ซึ่งไม่นานมานี้เริ่มมีงานวิจัยและการทดลองลดวันทำงานและเรียนในหลายๆ ที่ ซึ่งว่ากันว่าผลลัพธ์ของมันนั้นทำให้คนทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
ที่ประเทศออสเตรเลียเองก็มีบริษัทมีเดียเอเจนซี่ชื่อว่า VERSA ตั้งอยู่ในเมืองเมลเบิร์น ที่ได้ตัดสินใจปรับลดวันทำงานของบริษัทให้เหลือเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
ในทีแรกทางประธานบริษัท Kath Blackman ให้พนักงานได้เลือกวันหยุดที่เพิ่มมา 1 วันต่อสัปดาห์ด้วยตัวเอง ปรากฏว่าทุกอย่างวุ่นวายไปหมด และจัดการได้ยากมากๆ
ในที่สุดทางบริษัทก็ตัดสินใจว่าจะกำหนดวันหยุดที่ว่าให้เหมือนกันทุกคนคือ บริษัทจะปิดทำการในวัน พุธ เสาร์ และอาทิตย์
Jonny Clow ผู้อำนวยการการจัดการของบริษัทกล่าวว่า “การเลือกวันพุธมาเป็นวันหยุดเป็นอะไรที่เข้าท่ามากๆ เพราะมันเป็นวันกลางสัปดาห์ ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 สัปดาห์เล็กๆ
จากปกติที่พนักงานมักจะทำงานเฉื่อย พักกลางวันนานๆ และกลับเร็วในวันศุกร์ ก็กลายเป็นว่าทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งเท่ากับวันอื่นๆ ของสัปดาห์ไปเลย
มันเป็นไปด้วยดีมากๆ จาก 1 เดือน เป็น 3 เดือน เพิ่มเป็น 6 เดือน แล้วก็เป็นปี แต่เราก็บอกพนักงานเสมอว่ามันเป็นการทดลองเท่านั้น
ถ้าวันหนึ่งมันไม่ได้ผลอีกแล้ว เราก็จะกลับไปหยุด 2 วันต่อสัปดาห์เหมือนเดิม มันเลยกลายเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนตั้งใจทำงานกันใน 4 วันนั้น”
เขายอมรับว่า บริษัทนี้ทำงานกันด้วยความเชื่อใจต่อกัน มากกว่าจะพึ่งพานโยบายบริษัทเป็นหลัก และในตอนที่เริ่มปรับเปลี่ยนก็มีความวุ่นวายเล็กน้อย เพราะต้องทำให้ลูกค้าของบริษัทเข้าใจตรงกันด้วยว่าจะมีวันหยุดเพิ่มมา
แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในแผนกต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ตัวพนักงานเองก็มีความสุขกับการทำงานกันมากขึ้นด้วย
ซึ่ง Jonny ก็บอกอีกว่า หวังว่ากรณีศึกษาจากบริษัทนี้จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทอื่นๆ ได้ลองปรับเปลี่ยนเพื่อประโยชน์สุขของทั้งบริษัทและพนักงาน
ถ้าเทียบกับต่างประเทศแล้ว ประเทศไทยที่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์เยอะแยะมากมายตลอดทั้งปี ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาจำนวนวันทำงานแล้วล่ะ
เรียบเรียงโดย #เหมียวม่วง
ที่มา LADbible และ News.com.au
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น