ย้อนกลับไปในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1942 ในเวลาเช้าตรู่ประมาณ 2:25 นาฬิกาตามเวลาในท้องถิ่น ได้เกิดเหตุเสียงไซเรนดังสนั่นไปทั้งเมือง แสงไฟจากสปอตไลท์ส่องขึ้นกลางท้องฟ้า พร้อมเสียงระเบิดในฉากหลัง ปลุกชาวเมืองขึ้นเพื่อรับมือการเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะมาถึง
ในวันนั้นประชาชนที่ยังคงแต่งกายด้วยชุดนอน ต่างก็วิ่งออกไปยังระเบียงเพื่อแหงนมองไปดูการต่อสู้ที่ไหนสักแห่งบนฟากฟ้า รถยนต์นับร้อยบนถนนนิ่งสนิท ในขณะที่กระสุนปืนต่อต้านอากาศยานร่วม 1,400 นัด ถูกสาดขึ้นไปเหนือท้องฟ้ายามราตรี
เหตุการณ์ในครั้งนี้จบลงเมื่อเวลาประมาณ 7:21 นาฬิกา โดยมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ถูกบาดเจ็บจำนวนมาก และบ้านเรือนที่พังเสียหาย ทั้งหมดจากกระสุนที่ตกลงมาจากปืนต่อต้านอากาศยานเอง
แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ มีปัญหาอยู่เล็กน้อย นั่นเพราะในบรรดาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ไม่มีใครเลยที่เป็นศัตรูจริงๆ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของยานบินจากเยอรมนีหรือญี่ปุ่น และว่ากันตามตรง มันอาจจะไม่มียานบินศัตรูปรากฏตัวขึ้นในคืนวันนั้นด้วยซ้ำ
นี่คือเหตุการณ์ที่มีชื่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “การรบที่ลอสแองเจลิส” หรือ “สงครามเวหาเหนือน่านฟ้าลอสแองเจลิส” เหตุการณ์ประหลาดที่ชาวเมืองลอสแอนเจลิสต้องจดจำไปอีกนาน
มันมีทฤษฎีมากมายที่ถูกนำออกมาใช้ในการอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีที่ว่าสิ่งที่ประชาชนเห็นอาจจะเป็นอุปาทานหมู่ที่เกิดขึ้นจากความเครียดและความง่วง ทฤษฎีที่ว่าวัตถุที่บินเข้ามาลอสแองเจลิสเป็นอาวุธลับของญี่ปุ่นหรือแม้แต่สหรัฐฯ เอง และทฤษฎีที่ว่าวัตถุที่ชาวเมืองเห็นจริงๆ แล้วเป็นของที่มาจากนอกโลก
ทฤษฎีที่ว่าสิ่งที่ประชาชนเห็นอาจจะเป็นอุปาทานหมู่ นับว่าเป็นทฤษฎีแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้
โดยในเวลานั้นทางกองทัพสหรัฐก็ได้ออกมาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในการทำงานของกองทัพเท่านั้น และเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงแค่การตื่นตูมไปเองของคนในพื้นที่ต่อศัตรูที่ไม่มีอยู่จริง เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ประชาชนมีความเครียดสูงจากเหตุการณ์การโจมตีที่เพิร์ลอาร์เบอร์ และการโจมตีที่เอ็ลล์วู๊ด
ภาพเหตุการณ์การโจมตีที่เพิร์ลอาร์เบอร์
อย่างไรก็ตามรายงานในจุดนี้ขัดแย้งกับคนจำนวนมากในพื้นที่ ที่มีการออกมายืนยันว่าพวกเขาเห็นวัตถุประหลาดเหนือน่านฟ้าจริงๆ แถมการโจมตีของทหารต่อวัตถุดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลเลยด้วย เท่านั้นยังไม่พอในช่วงดึกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เรดาร์ของสหรัฐก็มีบันทึกว่าจับสัญญาณของวัตถุที่บินเข้ามาลอสแองเจลิสได้จริงๆ ด้วย
ที่สำคัญ “ทหารจะยิงกระสุนมากมายขนาดนั้นไปบนฟ้าทำไม ถ้าไม่มีศัตรูที่เป็นเป้าหมายโผล่มาให้เห็น”
หนึ่งในร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น
แนวคิดที่เป็นไปได้ที่สุดในจุดนี้ปรากฏขึ้นมาในปี 1983 ราวๆ 41 ปีหลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อทางกองทัพอากาศสหรัฐฯ กลับมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นและบอกว่าสิ่งที่ประชาชนเห็นนั้นอาจจะเป็นบอลลูนสำรวจอากาศก็เป็นได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้อธิบายคำพูดของผู้พบเห็นที่ว่าการโจมตีทำอะไรวัตถุที่เห็นไม่ได้เลยก็ตาม
ต่อมาคือทฤษฎีที่ว่าวัตถุที่พบเป็นอาวุธลับของญี่ปุ่น โดยสำหรับทฤษฎีนี้ ประชาชนส่วนมากได้ออกมาบอกว่าจะเป็นไปได้ไหมที่สิ่งที่เรดาห์ของสหรัฐพบจะเป็นยานโจมตีของญี่ปุ่นที่เก่งมากๆ หรืออาวุธลับอย่างระเบิดบอลลูน
ปัญหาคือเมื่อทางสหรัฐฯ ทำการทดสอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยละเอียดพวกเขาก็พบว่าในวันนั้น ไม่ได้มีร่องรอยของการโจมตีจากทางญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นโดยทางยานบิน หรือระเบิดบอลลูน แม้ว่าจะมีชาวญี่ปุ่นอเมริกันหลายคนโดนจับจากข้อกล่าวหาว่าส่งข้อมูลให้ศัตรูก็ตาม
ระเบิดบอลลูนหนึ่งในสิ่งที่ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ความจริงในจุดนี้เองทำให้ทฤษฎี UFO กลายเป็นทฤษฎีที่ผู้คนจำนวนมากให้น้ำหนักมากที่สุดในการนำมาใช้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นไป เพราะนี่เป็นเพียงทฤษฎีเดียวที่จะใช้อธิบายเรื่องที่ว่าทำไมการโจมตีของทหารถึงไม่เป็นผลได้ ในกรณีที่ยานที่ประชาชนเห็นมีตัวตนอยู่จริงๆ
สุดท้ายแล้วคงต้องบอกว่าไม่ว่าจะด้วยทฤษฎีใดก็ตาม ในปัจจุบันเราก็ยังไม่มีหนทางใดๆ เลยที่จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์การรบที่ลอสแองเจลิสได้แบบ 100% และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น ก็คงจะกลายเป็นปริศนาที่ไม่มีใครไขได้ ไปอีกนานแสนนานเลย
ที่มา allthatsinteresting
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น