เคยได้ยินตำนาน “หอคอยหนูแห่งบิงเงน” กันไหม? นี่คือตำนานของหอคอยบนเกาะเล็กๆ ริมแม่น้ำไรน์ ของประเทศเยอรมนี ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 970
เรื่องราวคร่าวๆ ของตำนานนี้มีอยู่ว่า ในช่วงปี 970 ได้เกิดสภาวะการขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ขึ้นในเยอรมนี และรุนแรงมากถึงขนาดที่ประชาชนต้องสังหารสุนัขและแมวกินเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังมีคนตายจากความหิวเป็นพันๆ คน
ด้วยเหตุนี้เองชาวบ้านในสมัยนั้นจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจาก อาร์คบิชอปแห่งไมนซ์ นามว่า “Hatto II” ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนขี้เหนียวอย่างน่ารังเกียจ ซึ่งมักจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน
ด้วยความที่เป็นชนชั้นสูง Hatto II จึงมียุ้งฉางที่เต็มไปด้วยอาหาร แต่แทนที่เขาจะช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังจะอดตาย เจ้าตัวกลับขายข้าวที่ตัวเองมีในราคาที่สูงจนคนจำนวนมากไม่สามารถซื้อได้ สร้างความไม่พอใจต่อชาวบ้านจนพวกเขาวางแผนที่จะก่อกบฏ
อย่างไรก็ตามความคิดการก่อกบฏนี้รู้ไปถึงหูของ Hatto II เสียก่อน ดังนั้นเขาจึงหลอกชาวบ้านให้ไปรวมตัวกันในยุ้งฉางร้างโดยอ้างว่าจะยอมแจกอาหารที่ตนมี ก่อนที่จะล็อกชาวบ้านไว้ภายในและเผายุ้งฉางพร้อมคนข้างในทั้งเป็น
น่าแปลกที่เมื่อ Hatto II กลับไปที่ปราสาทเขาก็ต้องพบว่าที่อยู่ของเขาถูกรุกรานโดยหนูจำนวนมาก จนเจ้าตัวต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่หอคอยซึ่งตั้งอยู่กลางน้ำอย่างช่วยไม่ได้
ปัญหาคือแม้ว่าจะหนีมากลางน้ำแล้วก็ตาม Hatto II ก็ไม่สามารถหนีจากกองทัพหนูได้อยู่ดี เพราะแม้ว่าหนูเหล่านี้ตามปกติจะไม่สามารถข้ามแม่น้ำได้ก็ตาม แต่พวกมันก็มีกันเยอะมากจนถมแม่น้ำและข้ามมาถึงหอคอยจนได้
พวกมันไล่ล่า Hatto II ขึ้นไปยันชั้นบนของหอคอย ก่อนที่ในที่สุดอาร์คบิชอปจะหมดหนทางหนีและถูกหนูนับหมื่นกัดกินทั้งเป็นจนเสียชีวิตไป กลายเป็นที่มาของชื่อ “Mäuseturm” หรือหอคอยแห่งหนูไป
นี่นับว่าเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งก็จริงอยู่ แต่เรื่องราวของหอคอยหนูแห่งบิงเงน กลับไม่ใช่เรื่องที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ขนาดนั้น เพราะแม้ว่าในอดีตเยอรมนีจะเคยมีบิชอปชื่อ Hatto II อยู่จริงๆ แต่ในประวัติศาสตร์เขาคนนั้นกลับไม่ได้เป็นคนไม่ดีอย่างที่กล่าวไว้ในตำนานเลย (แถมอาศัยอยู่คนละที่กันด้วย)
Binger Mäuseturm เมื่อช่วงปี 1900
เป็นไปได้ว่าเรื่องราวของหอคอยหนูแห่งบิงเงนนั้นแท้จริงแล้วจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพราะความเข้าใจผิดว่า Hatto II เป็นนักบวชเบเนดิกตินจากตระกูลขุนนางในสวาเบียนามว่า “Hatto I” อีกทีหนึ่ง
เพราะชายคนนี้มีบันทึกไว้ว่ามักใช้อำนาจของตัวเองในการข่มขู่ราชาของอาณาจักร East Frankish เพื่อที่ตัวเองจะได้มีตำแหน่งที่มีอำนาจยิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้ในตอนที่เขาตายผู้คนจึงมักมีเรื่องเล่าว่าเขาโดนพระเจ้าลงโทษอย่างฟ้าผ่าตาย หรือโดนหนูกินไป
และนอกจากจะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้วชื่อ “Mäuseturm” ของตัวหอคอยเองก็ยังมีที่มาซึ่งถูกบันทึกไว้ต่างไปจากในตำนานอีกด้วย โดยในประวัติศาสตร์หอคอยแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นหอคอยเก็บค่าผ่านทาง
ดังนั้นคำว่า Mäuseturm จึงน่าจะมาจากการร่วมคำว่า Mautturm ซึ่งแปลว่า “หอคอยเก็บค่าผ่านทาง” และ Musen ซึ่งแปลว่า “การรอ” อันเป็นลักษณะการทำงานของหอคอยเข้าด้วยกัน มากกว่าที่จะมาจากคำว่าหนูตรงๆ อย่างในตำนาน
ทั้งนี้เองแนวคิดเรื่องการโดนหนูกินทั้งเป็นนั้น นับว่าเป็นหนึ่งในแนวคิดการลงทัณฑ์คนผิดที่มีชื่อเสียงของช่วงยุคกลางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่การถูกหนูกินนั้นมักจะถูกนำมาเล่าเป็นจุดจบของเหล่าคนชั่วช้าในช่วงเวลานั้นไป
ที่มา amusingplanet และ atlasobscura
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น