เราต่างเคยได้ยินเรื่องราวของ “โรบินฮู้ด” จอมโจรสุดแกร่งผู้เป็นดั่งฮีโร่ของชาวเมืองที่แร้นแค้น เขามักขโมยของจากคนรวยเพื่อจุนเจือคนจน และแม้ว่าทางการจะมองเขาเป็นวายร้าย ทว่าในสายตาชาวโลกเขาคือผู้กล้าที่น่ายกย่อง
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1930 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำพิษไปทั่วโลก หนึ่งในดินแดนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ อย่างสหรัฐอเมริกา คือจุดกำเนิดตำนาน “คู่รักนักปล้น” ที่มีแฟนๆ ตามเชียร์ไปทั่วประเทศ
ชื่อของทั้งคู่คือ “Bonnie & Clyde”
Bonnie Elizabeth Parker เติบโตขึ้นท่ามกลางความยากจน แม่ของเธอเป็นเพียงช่างเย็บผ้าที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะมาดูแลเธอนัก
ตั้งแต่ยังเล็ก ความบันเทิงของ Bonnie คือการเขียนบทกวี เธอมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องหรือนักแสดงซึ่งทุกอย่างได้ถูกบันทึกลงในสมุดเล่มเล็กที่พรรณาถึงทุกสิ่งที่เธอปรารถนา
เมื่อเข้าสู่วัยสาว Bonnie ได้พบรักกับเพื่อนสมัยเรียนที่ชื่อว่า Roy Thornton ทั้งคู่ลาออกจากโรงเรียนและแต่งงานกันด้วยวัยเพียง 16 ปี
อย่างไรก็ตามด้วยอายุที่ยังน้อยทำให้ชีวิตคู่เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก แม้ว่าจะไม่หย่าร้าง ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็แยกจากกัน มีเพียงแหวนติดนิ้วที่ Bonnie ยังคงสวมใส่ไว้จนวันสุดท้ายของชีวิต
ในปี 1930 Bonnie ก็ได้พบชายผู้ร่วมสร้างตำนานก้องโลกไปพร้อมกับเธอ
Clyde Champion Barrow ชายหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวเกษตรกรที่แสนยากจน ครั้งแรกที่ฝากชื่อในห้องขัง เขามีอายุเพียง 17 ปี จากข้อหาขโมยรถ (ความจริงคือเช่ารถแล้วไม่ยอมเอาไปคืน) ครั้งต่อมาเขาและพี่ชายก็ถูกจับกุมอีกครั้งในข้อหาที่อุกอาจกว่าเดิม นั่นคือ “ขโมยรถขนไก่งวง”
มีบันทึกว่า Clyde ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเร็วกว่ากำหนด พร้อมข่าวลือมากมาย ทว่าความจริงก็คือ เขาทนความเหนื่อยยากจากการทำงานในคุกไม่ไหว เลยเฉือนนิ้วเท้าทิ้งไป 2 นิ้วเพื่อให้ทำงานไม่ได้ จนได้รับการปล่อยตัวออกมา
ครั้งแรกที่ได้พบกัน มีคนเชื่อว่ามันคือรักแรกพบ ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีเหลือเชื่อ เมื่อทุกอย่างประจวบเหมาะพวกเขาจึงสร้างครอบครัวที่จะร่วมกันสร้างความยิ่งใหญ่ “แก๊งโจรที่มีสมาชิกมาจากเพื่อนๆ และพี่ชาย – พี่สะใภ้ของ Clyde” นั่นเอง
ชื่อเสียงของ Bonnie & Clyde โด่งดังจากความบังเอิญในปี 1933 หลังตำรวจคว้าน้ำเหลวในการบุกแหล่งกบดานของพวกเขา แต่แทนที่จะได้ตัวผู้ต้องหาพวกเขากลับพบเพียงบทกลอนชวนฝันและภาพถ่ายมากมาย
หนึ่งในภาพที่ทำให้ผู้คนสนใจ และถึงขั้นมีแฟนคลับให้กับคู่รักคู่นี้คือภาพของ Bonnie ที่สูบซิการ์และถือปืน ภาพที่เธอหันปากกระบอกปืนไปยัง Clyde หรือแม้แต่ภาพที่ Clyde อุ้มเธอไว้ในวงแขนได้ด้วยมือข้างเดียว
ทั้งหมดนี้นำไปสู่ข่าวลือที่แพร่สะพัด พวกเขากลายเป็นดังโรบินฮู้ดที่มีแฟนๆ คลั่งไคล้ คอยตามข่าวและเอาใจช่วย ยิ่งเมื่อสื่อผสมโรงเติมแต่งเรื่องราวให้ “โรแมนติกและสนุกสนาน” ยิ่งทำให้ตำนานของ Bonnie & Clyde มีชื่อเสียง
“พวกเขาเป็นคู่รักจอมโจรที่ทำงานเข้าขา ปล้นพวกคนรวยและธนาคารเพื่อแก้แค้นให้กับเหล่าคนจนที่ต้องหลั่งน้ำตาเพราะพิษเศรษฐกิจ”
“พวกเขาร่ำรวยแทนคนที่ทุกข์ยาก พวกเขาช่างมีเสน่ห์ มีความรัก และเปี่ยมไปด้วยความสุข”
ข่าวลือนั้นส่งผลให้ Bonnie มีภาพลักษณ์เป็นสาวแสบปืนไว ขณะที่ Clyde คือหนุ่มในฝันผู้รักความยุติธรรม ทว่าในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ “โลดโผน” ถึงเพียงนั้น
อย่างแรก แก๊งของ Bonnie & Clyde ไม่ได้ปล้นธนาคารใหญ่ๆ เพราะเป้าหมายหลักมักเป็นร้านค้าเล็กๆ ปั๊มน้ำมัน หรือธนาคารในท้องถิ่นเพียงเท่านั้น
ดังนั้น ข่าวลือที่ว่าพวกเขาเป็นแก๊งโจรที่มั่งคั่งจึงไม่ใช่ความจริง เพราะรายได้จากการปล้นที่มากที่สุด อยู่ที่ราวๆ 1,500 ดอลลาร์เท่านั้นเอง (ประมาณ 46,000 บาท)
ในปี 1932 ระหว่างที่ Bonnie ติดคุก Clyde พลั้งมือสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำให้พวกเขาต้องย้ายหนีและ “ห้ามโดนจับ” เพราะข้อหาฆาตกรรมเจ้าพนักงาน
ภาพความรักที่โรแมนติกของ Bonnie & Clyde ที่เห็นว่าพวกเขามักโอบกอดซึ่งกันและกัน มาจากการเกิดอุบัติเหตุในปี 1933 ที่ทำให้ Bonnie ถูกน้ำกรดจากแบตเตอร์รี่รถยนต์ลวกขาขวา และต้องเดินกะเผลกไปทั้งชีวิต จนทำให้บางครั้ง Clyde ต้องอุ้มเธอเพื่อให้หนีตำรวจได้เร็วขึ้น
และสิ่งที่ทำลายภาพความทรงจำของ Bonnie สุดๆ ก็คือ เธอเป็นนักกวีจริง แต่ไม่ใช่สิงห์ปืนไว เพราะความจริงแล้ว Bonnie สูบแต่บุหรี่ ไม่เคยแตะซิการ์ แถมยังไม่เคยเหนี่ยวไกปืนเลยสักครั้ง
ด้วยข้อหาการโจรกรรมและฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมด 13 ราย ในที่สุด Bonnie & Clyde และสมาชิกที่เหลือก็ถูกตั้งรางวัลนำจับ โดยมี Frank Hamer อดีตนายตำรวจชื่อกระฉ่อนผู้เคยวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหามาแล้วถึง 53 คนเป็นหัวหน้าทีมออกตามล่าโจรคู่รักผู้โด่งดัง
และแล้ว หลังหลบหนีการตามล่ามานานถึง 2 ปี วันที่ 23 พฤษภาคมปี 1934 แฟ้มคดีของ Bonnie & Clyde ก็มาถึงฉากปิดม่าน
ทั้งคู่ถูกซุ่มโจมตีโดยทีมตำรวจที่ล่วงรู้แผนเดินทางของพวกเขาจึงนำกำลังไปดักหน้า ขณะกำลังพยายามหลบหนีด้วยรถ Ford V-8 เจ้าหน้าที่ก็สาดกระสุนไปที่รถคันนั้นจนพรุน
ว่ากันว่า Clyde เสียชีวิตตั้งแต่นัดแรก ในขณะที่ศพของ Bonnie มีรูกระสุนนับได้ถึง 43 นัด
ที่นิ้วของเธอ มีแหวนวงหนึ่งสวมไว้แนบกาย ใครต่อใครคิดว่ามันคือของรักแทนใจจาก Clyde ทว่าแท้จริงแล้วมันคือแหวนที่สามีคนแรกได้มอบไว้ให้นั่นเอง
นับเป็นการปิดตำนานที่เต็มไปด้วยเลือด ย้อมถนนไฮเวย์ 154 ให้เป็นสีแดงในตอนที่พระอาทิตย์พ้นขอบฟ้า
ในปี 2012 ได้มีการนำปืน 2 กระบอกที่พวกเขาเคยใช้และสมบัติจากการปล้นอีกเล็กน้อยออกมาประมูล ปรากฎว่ามีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์
ใช่แล้ว….มันมากกว่าเงินที่พวกเขาปล้นมาทั้งชีวิตเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ความคลั่งไคล้ในตำนานของทั้งคู่ยังเป็นที่เลื่องลือต่อมาจนถึงปัจจุบัน ถึงกับถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ทีมีชื่อเสียงหลายเวอร์ชัน แม้ว่าเกินกว่าครึ่งจะเป็นเพียง “การมโน” และใส่สีตีไข่ให้กับข่าวลือก็ตาม
ที่มา:
– fbi.gov
– history
– history
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น