การจากไปของฮีโร่แบล็คแพนเธอร์อย่าง Chadwick Boseman กลายเป็นเรื่องราวอันน่าโศกเศร้าของคนทั้งโลก เพราะเขาคนนี้ไม่เคยออกมาเปิดเผยอาการป่วยของตนเองให้ใครได้รับรู้เลย แม้กระทั่งมาร์เวลเองก็ตาม…
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Hollywood Reporter ได้ออกมารายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่พี่ Chadwick จะเสียชีวิตมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของเขา
ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงแค่ครอบครัว, Logan Coles ผู้เป็น producing partner, Michael Greene ผู้เป็นตัวแทน, Addison Henderson ผู้เป็นเทรนเนอร์ และผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 42 อย่าง Brian Helgeland
โดยแต่ละคนรับรู้ความร้ายแรงของอาการแตกต่างกันออกไป แต่ตามแหล่งข่าวรายงานว่า ทางมาร์เวลหรือผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Black Panther ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เพราะพี่ Chadwick ต้องการให้มันเป็นเรื่องส่วนตัว
และในวันที่ 28 สิงหาคม 2020 ประธานมาร์เวลสตูดิโอ Kevin Feige ก็รับรู้ข่าวนี้หลังจากที่เก็บเอาไว้มานานหลายปี เมื่อเขาได้รับอีเมลด่วนว่าพี่ Chadwick กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานกว่า 4 ปีแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น โรคนี้ทำให้พี่ Chadwick แย่ลงกะทันหัน จากนั้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงหลังจากที่ Kevin ก็มีรายงานข่าวว่าพี่ Chadwick เสียชีวิตแล้วที่บ้านพักของตนเอง
— Chadwick Boseman (@chadwickboseman) August 29, 2020
โรคนี้ทำให้พี่ Chadwick แย่ลงจริงๆ ค่ะ เพราะช่วงหลังๆ มานี้เราจะสังเกตเห็นว่าเขาซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้แฟนๆ อดเป็นห่วงไม่ได้
แต่ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่พี่ Chadwick จะเสียชีวิต เขายังมั่นใจมาตลอดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะโรคร้ายได้และกลับมาเพิ่มน้ำหนักอีกครั้งเพื่อภาพยนตร์ Black Panther 2 ที่มีแพลนเปิดกล้องในเดือนมีนาคม 2021
ภาพนี้ถูกถ่ายเอาไว้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2020 เป็นภาพที่พี่ Chadwick กำลังซ้อมการต่อสู้เพื่อบทบาทแบล็คแพนเธอร์
.
ภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เห็นได้ชัดว่าพี่ Chadwick ผอมลงเยอะมาก
การสูญเสียพี่ Chadwick มันเป็นเรื่องช็อกของค่ายมาร์เวลและเหล่าทีมงานที่ตั้งหน้าตั้งตารอร่วมงานกับเขาในปีหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้กำกับภาพยนตร์ Black Panther อย่าง Ryan Coogler ได้ออกมาอาลัยถึงพี่ Chadwick ว่า
“ผมใช้เวลาเมื่อปีที่แล้วในการเตรียมตัว จินตนาการและเขียนถ้อยคำที่เขาจะพูด ซึ่งเราไม่ได้ถูกลิขิตเอาไว้ให้เห็นมัน
มันทำให้ผมใจสลายเมื่อผมได้รับรู้ว่าผมจะไม่ได้เห็นภาพ close-up ของเขาบนจอมอนิเตอร์ หรือเดินเข้าไปหาเขาเพื่อขออีกเทคได้อีกแล้ว…”
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: hollywoodreporter
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น