ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 725 บิช็อปชาวบาวาเรียนนามว่าวิลลิบาลด์ ได้เดินทางผ่านพื้นที่ทะเลแกลิลี สถานที่ซึ่งในอดีตชาวคริสต์เคยเชื่อว่าพระเยซูได้สร้างปาฏิหาริย์หยุดพายุเอาไว้
ในการเดินทางครั้งนั้นบิช็อปวิลลิบาลด์ได้บันทึกไว้ว่าเขามีโอกาสได้พบกับโบสถ์อัครสาวกแห่งหนึ่งถูกสร้างเอาไว้บนที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นบ้านของสองอัครสาวกปีเตอร์และแอนดรู
พื้นที่ใกล้ๆ กับแม่น้ำจอร์แดน ในชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลกาลิลี ที่ซึ่งคาดกันว่าโบสถ์อัครสาวกตั้งอยู่
โบสถ์อัครสาวกที่ว่านี้ได้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่วันนั้น และกลายเป็นหนึ่งสถานที่ซึ่งเหล่านักโบราณคดีหลายกลุ่มพยายามตามหากันมาอย่างยาวนาน
แต่แล้วเมื่อล่าสุดนี้เอง ทีมนักสำรวจร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ก็ได้ทำการค้นพบซากสิ่งปลูกสร้างโบราณแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ กับแม่น้ำจอร์แดน ในชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลกาลิลี ประเทศอิสราเอลเข้า ซึ่งนักโบราณคดีหลายฝ่ายมองว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นโบสถ์อัครสาวกที่หายไปก็เป็นได้
อ้างอิงจากข้อมูลของสื่อท้องถิ่น ทีมนักโบราณคดีได้เริ่มเข้ามาทำการขุดค้นพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่เมื่อราวๆ 3 ปีก่อน และพบกับร่องรอยของโบสถ์เก่าแก่จากยุคไบเซนไทน์เป็นครั้งแรกในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โดยร่องรอยของโบสถ์ที่ถูกพบในครั้งนี้ประกอบไปด้วย พื้นกระเบื้องโมเสคที่ดูหรูหรา โครงสร้างกำแพงโดยคร่าวๆ และเศษชิ้นส่วนของหินอ่อนซึ่งสลักรูปไม้กางเขนเอาไว้
พื้นกระเบื้องโมเสคในโบสถ์ มีรูปแบบศิลปะที่พบได้บ่อยๆ ในยุคไบเซนไทน์
คุณ R. Steven Notley ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จากวิทยาลัย Nyack ผู้เผยแพร่ข้อมูลการค้นพบในครั้งนี้บอกว่า “(การค้นพบเหล่านี้) นับว่าเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมากว่า เคยมีโบสถ์ตั้งอยู่ในที่แห่งนี้ในสมัยไบเซนไทน์มาก่อน”
และในกรณีที่โบราณสถานแห่งนี้คือโบสถ์อัครสาวกที่หายไปจริงๆ การค้นพบในครั้งนี้จะนับว่าเป็นการค้นพบที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ของชาวคริสต์เป็นอย่างมาก
เศษชิ้นส่วนของหินอ่อนซึ่งสลักรูปไม้กางเขน หนึ่งในหลักฐานที่ถูกพบ
เพราะไม่เพียงแต่โบสถ์อัครสาวกแห่งนี้จะตั้งอยู่บนอดีตบ้านของสองอัครสาวกคนสำคัญของพระเยซูเท่านั้นแต่เมืองประมงเบธไซดาซึ่งชื่อกันว่าเป็นเมืองที่โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่เองก็เป็นเมืองสำคัญที่ปรากฏขึ้นมาในพระคัมภีร์อยู่บ่อยครั้งด้วย
ทั้งนี้เองแม้ว่าการค้นพบในครั้งนี้จะดูน่าจับตามองมากก็ตาม แต่การขุดค้นโบสถ์เองก็ยังคงไม่ได้เสร็จสิ้นลงอย่างแท้จริงอยู่ดี โดยในปัจจุบันทีมสำรวจบอกว่าพวกเขานั้นยังทำการสำรวจตัวโบสถ์ไปแค่ส่วนหนึ่งของห้องทางทิศใต้เท่านั้น และยังคงมีพื้นที่ตัวโบสถ์อีกมากที่ยังคงถูกฝังไว้ได้ดิน
ซึ่งสำหรับพื้นที่ที่เหลือนี้เองคุณ Notley ก็ได้ให้ข้อมูลว่าพวกเขาคงต้องใช้เวลาอีกราวๆ หนึ่งฤดูกาลเลยกว่าที่การสำรวจในครั้งนี้จะจบลงโดยสมบูรณ์
ที่มา cnn, livescience
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น