หลังวางแผนมานานกว่า 20 ปี สวนส้มขนาด 400 ไร่ ในแคลิฟอร์เนียก็ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นสวนสนุกมูลค่า 17 ล้านดอลลาร์
ไม่ว่า Walt Disney จะวาดฝันไว้อย่างไร ทว่าในวันที่ 17 กรกฎาคม ปี 1955 ผู้คนเกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาต่างพากันมารวมตัวหน้าโทรทัศน์สีขาวดำเพื่อรับชมความฝันที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง
ซึ่งนั่นก็คือวันที่ “ดิสนีย์แลนด์” แห่งแรกของโลกจะเปิดทำการ
ย้อนกลับไปในวันที่โครงการนี้ยังเป็นเพียงความฝัน Roy นายธนาคารผู้เป็นทั้งพี่ชายของ Walt และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของสตูดิโอลงความเห็นว่าโครงการที่ดูทะเยอทะยานนี้มีแต่จะนำไปสู่ความพินาศ
แต่ Walt ไม่หยุดฝัน ลงทุนด้วยทุกสิ่งที่มี ขายทรัพย์สินและกู้ยืมจากหลายที่ ทำในสิ่งที่บางคนในวงการแอบตั้งฉายาเขาอย่างลับๆ “Walt’s folly”
ด้วยชื่อเสียงที่ต้องแบกรับ และภาระทางการเงินที่มีทำให้ Walt ต้องเร่งสร้างดิสนีย์แลนด์ให้ทันภายในเวลา 1 ปี กับอีก 1 วันหลังการก่อสร้างเริ่มขึ้น
ในที่สุด ข่าวการเปิดตัวของดิสนีย์แลนด์ได้สร้างความสนใจจากผู้คนจำนวนมากจนกระทั่งสถานีโทรทัศน์ ABC ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาถ่ายทอดสด งานนี้มีคนดังมากมายมาเข้าร่วมแม้แต่นักแสดงดังอย่าง Ronald Reagan
งานเปิดตัวเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ ผู้ชมได้ร่วมทัวร์เสมือนจริงไปยังอาณาจักรทั้งสี่ของ Magic Kingdom ได้แก่ Frontierland, Adventureland, Fantasyland และ Tomorrowland
ทุกอย่างราวกับความฝัน ทว่าจากความสนุกในตอนแรก ฝันร้ายก็ได้ปรากฎตัวขึ้น…
เด็กหลายคนรู้สึกผิดหวังจากเครื่องเล่นหลายโซนเช่น Rocket to the Moon, Peter Pan และ Dumbo the Flying Elephant ที่ไม่พร้อมเปิดให้บริการในวันนั้น
การเร่งก่อสร้างยังนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อย่างเช่น มีวัชพืชจำนวนมากงอกขึ้นตามริมฝั่งของ Canal Boats of the World
หรืออากาศที่ร้อนเกินไป จนยางมะตอยบนถนนที่ยังไม่แห้งดี ได้ละลายเป็นน้ำมันดินเหนียวที่เกาะรองเท้าส้นสูงของสาวๆ จนต้องมีคนมาช่วยฉุดขึ้น
ที่แย่ไปกว่านั้นคือดิสนีย์แลนด์เต็มไปด้วยผู้คนที่มากเกินกว่าที่คาดไว้ เพราะความจริงแล้วพวกเขาวางแผนจำหน่ายตั๋วเพื่อรองรับคนเพียง 15,000 คนเท่านั้น แต่เนื่องจากมีการจำหน่ายตั๋วปลอมเลยทำให้มีคนล้นทะลักเข้ามาถึง 28,154 คน
คนก็เยอะ อากาศก็ร้อน แต่รอบๆ ยังไม่มีน้ำพุหรือสระน้ำที่เป็นจุดพักผ่อนได้ อาหารก็หมด น้ำก็ไม่มีให้ซื้อดื่ม ทุกสิ่งคือความล้มเหลวที่คล้ายเป็นฝันร้ายสำหรับใครหลายคน
นอกจากนี้ เนื่องจากห้องน้ำที่ไม่เพียงพอ ผู้ปกครองหลายคนเลยแอบพาเด็กๆ มาปลดทุกข์ตามมุมต่างๆ สร้างความวุ่นวายไปทั่วสวนสนุก
จุดพีคที่สุดสำหรับวันนั้นคือเหตุการณ์ไฟไหม้ปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่ผู้ชมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ ก่อนจะรู้ตัวว่ามันเป็นของจริง!!
นี่คือวันแรกที่ดินแดนแห่งความฝันควรจะมอบความสุข แต่มันกลับทำให้เด็กๆ นับพันกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวัง
หลังจากนั้นอีกหลายปี เหล่าทีมงานดิสนีย์จึงเรียกวันเปิดทำการว่า “Black Sunday”
จากความผิดหวัง และความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ในวันต่อๆ มาจำนวนผู้เกินทางไปเยือนดิสนีย์แลนด์น้อยลงอย่างน่าตกใจ
ทว่าการสิ่งที่ Walt Disney ทำคือการกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง เขายอมรับในความเสียหายที่เกิดจากความใจร้อน
จากนั้นก็เร่งปรับปรุงแก้ไข ในเวลาอีกเพียง 7 สัปดาห์ เขาก็สามารถเนรมิตดิสนีย์แลนด์ในอุดมคติขึ้นมาได้
เมื่อทุกอย่างพร้อมโดยสมบูรณ์ มีผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนเดินทางมาเยือน และในไม่ช้าสวนสนุกแห่งนี้ก็แซงหน้าแกรนด์แคนยอนและอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน
60 ปีต่อมา ในปัจจุบันนี้ มีผู้คนมากกว่า 750 ล้านคนที่เดินผ่านประตูหมุนของดิสนีย์แลนด์ พร้อมความฝันและความทรงจำอันแสนสุข ชนิดที่เทียบไม่ได้เลยกับวันแรกที่มันเปิดทำการ
“แม้จะมีก้าวแรกที่ไม่สวยงาม อาณาจักรที่แสนยิ่งใหญ่นี้ก็ได้สร้างตำนานบทใหม่เพื่อลบเลือนเรื่องเลวร้ายได้อย่างแท้จริง :)”
ที่มา:
Advertisement
0 Comments