CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

หนุ่มปลูกถ่ายไขกระดูกรักษาลูคีเมีย ส่งผลให้ DNA ในร่างกายเปลี่ยนไปเป็นของผู้บริจาค

คุณเคยได้ยินเรื่องของการผ่าตัดพันธุกรรมกันบ้างรึเปล่า? อาจจะเป็นในแง่ของนวนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์มนุษย์ดัดแปลงต่างๆ ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ได้หรอก…

ทว่ากรณีของชายหนุ่มจากรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เข้ารับการรักษาปลูกถ่ายไขกระดูกของตัวเอง โดยรับบริจาคมาจากชาวเยอรมันที่อยู่คนละทวีป

ปัจจุบันนี้เขาแทบจะไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก DNA ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง!

 

Chris Long เข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูก DNA เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นของผู้บริจาค

 

นาย Chris Long ชายชาวเนวาดาพบว่านอกเหนือจากเลือดในร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง อสุจิที่อยู่ในร่างกายก็เปลี่ยนตามไปด้วยหลังจากที่เข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว)

นาย Chris ผู้ทำงานอยู่ในสำนักงานนายอำเภอ Washoe County กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ความเปลี่ยนแปลงของร่ายกายในระดับ DNA นี้จะทำให้เขากลายเป็นอีกคนในทันที โดยที่ตัวตนเก่าของเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ทางด้านเพื่อนร่วมงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการตรวจสอบกรณีนี้ เพื่อเรียนรู้และเฝ้าสังเกตว่าจะมีผลกระทบทางด้านอาชญากรรมและงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ด้วยหรือไม่

 

 

ย้อนกลับไปถึงต้นเหตุอาการของ Chris เขาถูกวินิจฉัยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันพร้อมกับโรคไขกระดูกเสื่อม

ภายหลังจากที่ได้รับบริจาคไขกระดูกและปลูกถ่าย เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเซลล์ต้นกำเนิดทำให้ DNA ภายในร่างกายของเขาค่อยๆ ถูกกลืนไปอย่างช้าๆ และกลายมาเป็น DNA ของผู้บริจาคชาวเยอรมันจนเกือบสมบูรณ์

 

 

โดยที่ตัวเขาเพิ่งจะมารู้ว่า DNA ในเลือดของเขาเปลี่ยนไปหลังจากผ่านการปลูกถ่ายประมาณ 3 เดือน พอเข้าสู่ช่วงปีที่ 4 ก็พบว่าบางส่วนบนริมฝีปากและแก้มก็มี DNA ของผู้บริจาคติดมาแล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าข่ายเป็นคิเมียรา (Chimera) บุคคลที่มี DNA อยู่ในร่างกาย 2 ชุดปะปนกัน มีเพียงหน้าอกกับเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ หลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบตัวอย่างอย่างละเอียดแล้ว

 

ผลการตรวจสอบอสุจิตั้งแต่ปี 2015 – 2019 อัตราส่วนระหว่าง DNA 2 ชุดยังคงมีอยู่ในปี 2015 กับ 2016 พอเข้าปี 2019 อุสจิของเขาถูกทดแทนด้วย DNA ของผู้บริจาค

 

Renee Romero เจ้าหน้าที่ห้องแลปอาชญากรรม ระบุว่าเธอจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างของ Chris มาวิเคราะห์ทันทีหลังจากที่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA เพื่อทำการศึกษาว่ากระบวนการดังกล่าวทำให้ DNA อีกชุดของผู้บริจาคจะส่งผลกระทบใดๆ กับร่างกายของเขาบ้าง

 

 

อย่างไรก็ดี ผลกระทบในครั้งนี้จะไม่ส่งผลไปถึงลักษณะนิสัยของตัวบุคคล ซึ่งได้รับการยืนยันโดย Andrew Rezvani ผู้อำนวยการหน่วยปลูกถ่ายไขกระดูกจากศูนย์การแพทย์ Stanford University Medical Center

“สมองและลักษณะนิสัยของพวกเขาจะยังอยู่คงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรครับ”

 

ทางด้าน Darby Stienmetz หนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาชญากรรู้สึกอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Chris เช่นกัน เพราะแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวตนของเขานั้นถูกลบหายไปอย่างสิ้นเชิง

“พวกเรารู้สึกช็อคมากๆ ที่ตอนนี้ตัวตนของ Chris (DNA) ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว”

 

ที่มา: nytimes, qz, dailymail


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น