เรื่องราวของนาย Dylan Candlin หนุ่มจากเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาเพิ่งจะผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายและนำไปสู่การตัดสินใจที่จะ ‘ฆ่าตัวตาย’ แต่ทว่าเขาทำมันไม่สำเร็จ
หากดูภายนอกใครหลายๆ คนต่างก็เข้าใจว่า Dylan มีความสุขดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ลึกๆ ลงไปข้างในจิตใจ เขามีแต่ความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด
“ผมพูดได้เลยว่า ไม่มีใครที่มองเข้ามาที่ตัวผมและเข้าใจในตัวผมได้จริงๆ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนั้น” Dylan เล่า
ปัญหาของ Dylan นั้นไม่ได้เกิดจากความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของตัวเขาเอง แต่ทว่าเกิดจากสิ่งที่อยู่เหนือจากการควบคุมของเขา อย่างเช่น การได้เห็นพฤติกรรมด้านลบอย่างไม่น่าเชื่อของคนที่เขารู้จัก จนทำให้มุมมองที่มีต่อคนคนนั้นเปลี่ยนไป เป็นต้น
เขาอธิบายว่า การได้เห็นโลกในมุมแย่ๆ มากเกินไปนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่า เขากำลังยืนอยู่ในพื้นที่ที่มีไฟลุกไหม้ มันทำให้เขากลัวว่าไฟนี้จะลุกลามไปทุกที่บนโลก และเขาไม่ต้องการที่จะอยู่บนโลกแบบนั้น
หลังจากที่พยายามจะจบชีวิตของตัวเองลงในครั้งแรก Dylan ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเหลือเขาเอาไว้ได้ โชคที่สมองของเขายังไม่ได้รับความเสียหายและสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม
หลังจากผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายมาหลายสัปดาห์ Dylan ก็ถูกส่งตัวกลับมาอยู่ที่บ้านร่วมกับครอบครัว
ประจวบกับเหตุการณ์เชื้อไวรัสระบาดหนัก ทำให้เขาไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ เลยต้องทำการรักษาและบำบัดอยู่ที่บ้าน และปรากฎว่ามันได้ผลดีที่สุด (สำหรับ Dylan ล่ะนะ)
“หลังจากการพยายาม (ฆ่าตัวตาย)ในครั้งนั้น สิ่งที่ผมต้องทำเป็นอย่างแรกเลยคือการ ‘อยู่บ้านเฉยๆ’ การฟื้นฟูร่างกายของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด มันทำให้ผมได้มีเวลาคิดกับตัวเองว่า ‘จริงๆ แล้วเราทำแบบนั้นไปทำไม และเพื่ออะไรกันแน่?’”
“แน่นอนว่าครอบครัวของผมเองก็เป็นส่วนสำคัญ พวกเขามองโลกในแง่บวกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพ่อแม่ของผม ที่คอยให้คำปรึกษาในเวลาที่ผมต้องการ และให้พื้นที่กับผมในการคิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรเมื่อผมต้องการ”
“ในแง่ของการฟื้นฟูทางจิตใจ ผมยังคงตามหาอยู่ว่าอะไรมันจะส่งผลดีที่สุดกับผม และผมก็ได้คำตอบ นั่นคือการพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปให้หมด”
“ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีมาก ล่าสุดเรามีเวลาได้คุยกันอีกครั้ง เนื่องจากว่าตอนนี้เธอมีเวลาว่างเราเลยได้คุยกันนานมากยิ่งขึ้น เธอไม่เคยปิดบังอะไรเลยเวลาที่เราคุยกันมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเป็นสิบๆ เท่าเลยล่ะ”
“สิ่งที่คุณต้องการก็มีแค่คนรอบตัวคุณที่เข้าใจคุณ คนที่จะคอยดูแลเราอย่างจริงใจ และบางครั้งก็ต้องมีความตรงไปตรงมาด้วย”
Dylan ยังบอกอีกว่า การเว้นระห่างทางสังคมนั้น มันมาได้ถูกช่วงถูกเวลาจริงๆ เพราะมันทำให้เขาได้มีเวลาในการคิดกับตัวเอง ประเมิณคุณค่าใหม่ว่า ‘อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด’ และการวางแผนว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อโลกกลับมาสู่สภาวะปกติ
ที่มา : unilad, @dylancadlin
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น