เอกวาดอร์กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศในทวีปอเมริกาใต้ที่กำลังเผชิญวิกฤตไวรัส COVID-19 อย่างหนัก หลังจากที่เริ่มมียอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการพักศพ
สุสานก็ล้นไม่มีพื้นที่ฝัง ทำให้จำเป็นต้องนำศพมาวางไว้นอกอาคาร หรือตามบ้านเรือนต่างๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเก็บต้องปล่อยทิ้งไว้ด้วยเหตุผลข้างต้น
ทางหน่วยงานรัฐเองก็มีปัญหากับการจัดการศพผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนมาก โดยมีศพจำนวนอย่างน้อย 150 ศพถูกทิ้งไว้ข้างถนนในเมืองกัวยากิล หรือชาวบ้านต้องเก็บศพไว้ในบ้านเพื่อรอให้หน่วยงานรัฐมาจัดการ จนเริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าและแมลงมาตอมศพ
.
ร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกทิ้งเอาไว้ข้างถนนเช่นนั้น โดยหวังว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้ามาจัดการแต่ก็เกิดความล่าช้าเนื่องจากงานที่ล้นมือ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 3 วันเพื่อตามเก็บศพที่เหลือ
.
ประชาชนเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะต้องใช้โลงศพจากกระดาษลัง เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตที่พุ่งอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน
Otto Sonnenholzner รองประธานาธิบดีกล่าวขอโทษประชาชน หลังจากที่ภาพและคลิปวิดีโอศพที่ถูกทิ้งข้างถนนปรากฎไปทั่วโซเชียลมีเดีย
ทางการได้จัดการเก็บศพจำนวนอย่าง 150 รายที่ถูกทิ้งข้างถนนไปแล้ว แต่ยังไม่มีตัวเลขยืนยันที่ชัดเจนว่าตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสไปแล้วเท่าไหร่
“เราได้เห็นภาพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น และในฐานะข้าราชการ ผมกราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง”
ภาพของญาติที่มารอรับศพผู้เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล
.
.
นอกจากนั้นแล้วทางการก็ได้รับบริจาคโลงศพกระดาษลังจำนวน 1,000 โลง จากผู้ผลิตในท้องถิ่นและนำส่งให้กับสุสานในท้องถิ่นแล้วทั้ง 2 แห่ง
.
โฆษกเจ้าหน้าที่ศาลากลางระบุว่า โลงกระดาษเช่นนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาโลงขาดแคลนได้บ้าง เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีโลงศพจริงๆ หลงเหลือแล้ว หรือหากมีเหลือก็จะมีราคาที่สูงมากๆ
ในส่วนของเจ้าของกิจการโลงศพระบุว่า ช่วงนี้ทำโลงศพขายไม่ทันมียอดสั่งเข้ามาเยอะมากๆ ประกอบกับเอกวาดอร์ประกาศเคอร์ฟิว 15 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ไม่สามารถออกไปหาวัสดุในการทำโลงศพได้มากพอ
ที่มา: buzzfeednews, nytimes, latimes, cbsnews, dailymail
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น