ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคดีที่สะเทือนขวัญไปทั่วประเทศจีนเลยทีเดียว กับกรณีของสามีทำการฆาตกรรมภรรยาด้วยวิธีการรัดคอ จากปัญหาความรุนแรงภายในความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่เกิดขึ้นหลังจากแต่งงาน
โดยนอกจากจะฆาตกรรมภรรยาแล้ว สามีพยายามปกปิดเรื่องราวทั้งหมดด้วยการสวมรอยตัวตนของภรรยาบนโซเชียลมีเดีย ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะถูกบีบให้เปิดเผยออกมา…
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2016 นายจู เสี่ยวตง วัย 30 ปี ได้ลงมือบีบรัดคอนางหยาง หลี่ผิง วัย 30 ปี ผู้เป็นภรรยาจนเสียชีวิต โดยระบุให้การกับศาลว่าต้นเหตุมาจากการทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อยระหว่างทั้งคู่
ภายหลังจากที่ภรรยาสิ้นชีวิตไปแล้ว นายจูจึงทำการห่อหุ้มศพภรรยาด้วยผ้าห่มก่อนที่จะนำไปซ่อนไว้ในตู้แช่ และคงอยู่ในสภาพนั้นนานถึง 105 วัน
ในระหว่างการหายตัวไปของนางหยาง ฝ่ายสามีได้ทำการสวมรอยตัวตนของภรรยาบนแอป WeChat คอยตอบข้อความเพื่อนและพ่อแม่ของภรรยา ที่ไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของนางหยาง
ขณะเดียวกันนั้นเอกสารของศาลระบุว่า เขาได้โอนเงินจากบัญชีของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว นำไปใช้กินใช้เที่ยวทั้งเกาหลีใต้ มณฑลไหหลำ นครหนานจิง และออกเดทกับผู้หญิงอื่นพร้อมกับจองห้องโรงแรมด้วยบัตรประจำตัวของนางหยาง
จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2017 นายจูถูกสถานการณ์บีบให้เข้ามอบตัวต่อตำรวจ หลังจากที่รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถปิดเรื่องที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป เมื่อพ่อของภรรยาได้ชวนให้ทั้งคู่มาร่วมทานมื้อค่ำเพื่อฉลองวันเกิดในคืนนั้น
เดือนสิงหาคม 2018 นายจูถูกตัดสินโทษประหารชีวิตจากการก่ออาชญากรรมดังกล่าว ทว่าทางฝ่ายจำเลยได้ขอยื่นอุทธรณ์เพื่อขอลดโทษเนื่องจากเขาสำนึกผิด และการฆาตกรรมนางหยางนั้นเกิดขึ้นจากแรงกระตุ้น ไม่ได้มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม ทางอัยการยังคงยืนยันโทษประหารชีวิตเป็นโทษที่สาสมแล้ว ระบุว่านายจูมีการซื้อหนังสือเกี่ยวกับอาชญากรรมและตู้แช่แข็งมาก่อนที่จะที่ลงมือก่อเหตุ
.
นอกจากนั้นอัยการยังชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมอันเลือดเย็นในช่วงก่อเหตุ และพฤติกรรมไม่รู้สึกรู้สาหลังเกิดเหตุ เพราะหลังจากที่ซ่อนร่างของภรรยาไว้ในตู้แช่แล้ว เขาได้ออกไปดื่มกับเพื่อนทันที
และในวันที่เข้ามามอบตัว ก็ใช้เงินที่โอนจากบัญชีของภรรยาอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพื่อสนองความต้องการของตัวเองถึงขีดสุด
ภายหลังจากศาลยึดถือคำวินิจฉัยเป็นอันสิ้นสุด ในวันที่ 4 มิถุนายน 2020 ทางการได้ประกาศแล้วว่านายจูได้รับโทษประหารชีวิตตามคำสั่งศาล
เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์
ที่มา: zhuanlan.zhihu, tw.news.yahoo, shine, shanghaiist
Advertisement
0 Comments