ครอบครัวหนึ่งจากแคว้นสเวียร์ดลอฟสค์ ประเทศรัสเซีย ได้รับปฏิบัติตามมารตการเว้นระยะอย่างสุดโต่งด้วยการพาทั้งครอบครัวกักตัวไปอยู่ในป่า ห่างจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตร
ในวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจแคว้นสเวียร์ดลอฟสค์ได้รับแจ้งจากพลเมืองในหมู่บ้าน Krasnogvardeisky โดยอ้างว่าพี่ชายได้พาภรรยาพร้อมกับลูกอีก 3 คน หนีไปอยู่ในป่าเพื่อหลีกเลี่ยงไวรัสที่กำลังระบาดอยู่
โดยที่ครอบครัวนี้หนีเข้าป่าไปวันก่อนหน้านี้ และไม่สามารถติดต่อได้อีก ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา โดยเฉพาะลูกๆ เด็กเล็ก
หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดตั้งทีมปูพรมออกค้นหาจนกระทั่งพบทั้งครอบครัวอยู่ในป่าตามที่ได้รับแจ้งมา แต่ไม่ได้อยู่ในเต๊นท์หรืออาคารชั่วคราวใดๆ พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าเปิดโล่งเลย
เจ้าหน้าที่สอบสวนคุณพ่อหัวหน้าครอบครัววัย 33 ปี ถึงสาเหตุที่พากันออกมาอยู่ในป่า เขาบอกว่าเป็นการลดความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส COVID-19 และตามที่ทางการแนะนำให้ปฏิบัติตามการเว้นระยะทางสังคม เขาจึงคิดว่าหากพาทั้งครอบครัวมากักตัวออกห่างจากสังคมมาอยู่ในป่าจะเป็นวิธีที่ดี
“ทางหัวหน้าครอบครัวระบุว่าที่หนีเข้าไปในป่า ก็เพื่อป้องกันตัวเองจากไวรัส COVID-19 ทางครอบครัวมีอุปกรณ์ยังชีพติดตัวอยู่
พวกเขามีแผนจะกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อมาซื้อของอยู่บ้าง แต่ว่าพวกเขาอยู่ในป่าได้แค่วันเดียว เด็กๆ ต้องนอนบนกิ่งไม้ในพื้นที่เปิด และทานอาหารที่พวกเขาพกติดตัวมา”
อย่างไรก็ตาม ทั้งครอบครัวก็ถูกนำตัวกลับมาที่หมู่บ้าน เข้ารับการตรวจสุขภาพกับแพทย์และพบว่าทุกคนยังมีสุขภาพดี ปลอดภัยดี
แต่ทางผู้ปกครองก็ถูกสั่งปรับเนื่องจากฝ่าฝืนกฎหมาย ประพฤติตัวไม่เหมาะสมในการอบรมหรือปกป้องสิทธิของผู้เยาว์
ที่มา: newsru, ura.news, novayagazeta
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น