หากว่าเพื่อนๆ ยังจำกันได้ ไม่นานมานี้ ได้มีข่าวกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ออกมาเปิดเผยแผนที่ 3 มิติของสภาพพื้นทะเลที่บิกีนีอะทอลล์ ซึ่งกลายเป็นหลุมเป็นบ่อจำนวนมาก จากการทดลองนิวเคลียร์ของมนุษย์
(อ่านข่าวการเปิดเผยแผนที่ได้ที่ นักวิทย์เผย “แผนที่หลุมใต้พื้นทะเล” ซึ่งเกิดจากการทดลองนิวเคลียร์ที่บิกีนีอะทอลล์)
อย่างไรก็ตาม หลุมใต้ทะเลแปลกๆ บนโลกนั้น ก็ใช่ว่าจะเกิดจากฝีมือของมนุษย์เสมอไปเท่านั้น เพราะในพื้นที่นอกชายฝั่งของแคลิฟอร์เนียเอง นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำการค้นพบทุ่งใต้พื้นทะเลที่เต็มไปด้วยหลุมปริศนาเช่นกัน และในครั้งนี้ มันก็คงจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนิวเคลียร์เสียด้วย
อ้างอิงจากรายงานการค้นพบทุ่งของหลุมใต้ทะเลที่ถูกพบนี้ กินพื้นที่มากกว่า 1,300 ตารางกิโลเมตร และประกอบไปด้วยหลุมลึกลับมากกว่าหมื่นแห่ง
โดยหลุมที่พบถูกจะสามารถแบ่งออกใหญ่ๆ ได้เป็นสองประเภท คือหลุมขนาดเล็กที่เรียกว่า “Micro-depressions” และหลุมขนาดใหญ่กว่าที่เรียกกันว่า “Pockmarks”
Pockmarks ส่วนใหญ่จะมีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 175 เมตร และลึกราวๆ 5 เมตร โดยมันถูกพบราวๆ 5,200 แห่ง ในขณะที่ Micro-depressions แม้จะมีขนาดเพียงราวๆ 11 เมตร และลึกแค่ 1 เมตร แต่ก็มีปริมาณมากถึง 15,000 แห่ง
ภาพจำลอง 3 มิติของหนึ่งในหลุมแบบ Micro-depressions
ไม่มีใครรู้ว่าหลุมเหล่านี้มาจากไหน หรือเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะในพื้นที่ไม่ได้มีร่องรอยใดๆ ของก๊าซจากใต้ทะเลที่อาจจะทำให้เกิดหลุมแบบนี้ได้เลย
ถึงอย่างนั้นก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ก็คาดเดากันว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 400,000 ปีก่อนแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะถูกค้นพบโดยสถาบันวิจัยสัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ก็เท่านั้น
และนอกจากตัวต้นของหลุมที่สุดแสนจะลึกลับนี้แล้ว การค้นพบในครั้งนี้ก็ยังแสดงให้เห็นถึงเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากอีกเรื่องด้วย นั่นเพราะราวๆ 1 ใน 3 ของหลุมที่มีการค้นพบนั้น ล้วนแต่มีร่องรอยของขยะจากการใช้ชีวิตของมนุษย์ปรากฏให้เห็นอยู่
ซึ่งสำหรับเรื่องนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายเอาไว้ว่าตัวขยะอาจจะลงไปอยู่ในหลุมได้เพราะการทำรังของปลาในพื้นที่ และมันอาจจะเป็นเหตุผลแรกเริ่มเลยก็ได้ ที่หลุมบางส่วน ปรากฏกลับขึ้นมาให้เราเห็นเช่นนี้ (จากการที่ปลาขุดดินลงไปพบกับหลุมในอดีตเพื่อทำรังเป็นต้น)
ที่มา thesun, livescience และ foxnews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น