นักวิทย์พบหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด ของคนที่ตายเพราะอุกกาบาต จากเอกสารโบราณอายุกว่า 130 ปี


หากคำนวณตามหลักความน่าจะเป็น โอกาสที่มนุษย์คนหนึ่งจะโดนอุกกาบาตตกใส่นั้น ถือว่าต่ำเสียยิ่งกว่า 1 ใน 250,000 เสียอีก ซึ่งความจริงในจุดนี้เองทำให้แม้เราจะมีหลักฐานว่ามีคนโดนอุกกาบาตตกใส่อยู่บ้าง แต่ที่ผ่านๆ มาเรากลับไม่เคยมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเลยที่ยืนยันว่า มีมนุษย์ตายเพราะโดนอุกกาบาตตกใส่จริงๆ หรือไม่

 

 

ดังนั้นนี่จริงอาจจะเป็นข่าวที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับหลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาบอกว่าพวกเขาได้ค้นพบหลักฐานแบบบันทึกลายลักษณ์อักษรที่มีน้ำหนัก ซึ่งยืนยันว่ามีมนุษย์ตายเพราะอุกกาบาตตกใส่จริงๆ แล้ว แถมเหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อกว่า 130 ปีก่อนแล้วด้วย

การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่นักวิทยาศาสตร์ทำการสำรวจเอกสารเก่าของเหตุการณ์ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุอุกกาบาตตก และพบเข้ากับเอกสารต่างๆ กัน 3 ชิ้น ที่รวมไปถึงรายงานต่อสุลต่าน Abdul Hamid II ในประเทศอิรัก ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันอยู่

 

 

ในรายงานสามชิ้นนี้ ระบุเอาไว้ในลักษณะเดียวกันว่าในเวลา 8:30 pm ของวันที่ 22 สิงหาคม 1888 ได้เกิดเหตุลูกไฟจำนวนมาก พุ่งลงมาจากฟากฟ้า “ราวกับฝน” และตกลงใส่หมู่บ้านซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ที่สุเลย์มานิยาห์ ของอิรักอีกที

ลูกไฟจากท้องฟ้าในที่นี้ แม้จะไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนนักว่ามีขนาดเท่าไหร่ หรือมีความเร็วแค่ไหน แต่ทั้งจากลักษณะของลูกไฟจากฟ้า บวกกับลักษณะสถานการณ์อื่นๆ ที่ถูกบันทึกไว้ นักวิทยาศาสตร์ก็คาดว่าลูกไฟนี้น่าจะพุ่งมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอุกกาบาตอย่างแน่นอน

 

 

ที่สำคัญคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทำให้มีผู้บาดเจ็บถึงขั้นอัมพาตถึง 2 คน ในขณะที่อีก 1 คนเสียชีวิต ซึ่งทำให้ชายคนดังกล่าวกลายเป็นคนคนแรกของโลกที่มีการบันทึกไว้ว่าเสียชีวิตเพราะอุกกาบาตไปโดยปริยาย

“เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเอกสารเหล่านี้มาจากแหล่งข้อมูลทางราชการของจักรวรรดิออตโตมันโดนตรง เราจึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในความน่าเชื่อถือของข้อมูลเหล่านี้” ทีมนักวิจัยกล่าว “นี่คือหลักฐานชิ้นแรกของเหตุการณ์ที่มีอุกกาบาตสังหารมนุษย์”

 

สุเลย์มานิยาห์สถานที่เกิดเหตุ

 

นี่นับว่าเป็นงานวิจัยที่น่าสนใจอีกชิ้นเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากมันจะทำให้เราทราบถึงตัวตนของ ผู้ที่โดนอุกกาบาตสังหารแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงจุดบอดที่ไม่น่าเชื่อของวงการประวัติศาสตร์ด้วย

นั่นเพราะเหตุผลเดียวที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยพบหลักฐานนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ตัวหลักฐานเองมีการนำมาเผยแพร่แบบดิจิทัล ก็เป็นเพียงเพราะพวกเขาไม่ค่อยให้ความสนใจหลักฐานที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง

 

ที่มา independent, sciencealert

Advertisement


Like it? Share with your friends!

0 Comments