CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

กรณีศึกษาจากญี่ปุ่น ชายชราวัย 73 ปี ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน เหตุก้างปลาทะลุลำไส้

ตามปกติแล้วเวลาเรานึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากก้างปลา อาจจะนึกถึงปัญหาก้างติดคอขึ้นมาเป็นอย่างแรก เพราะตามปกติแล้วของอย่างก้างปลา หากเรากลืนลงไปในท้องได้ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม?

แต่อุบัติเหตุจากก้างปลาหลังจากที่กลืนลงท้องไปแล้วนั้น มันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วจนได้กับชายชาวญุี่ปุ่นวัย 73 ปีไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งซึ่งถูกก้างปลาแทงลำไส้จนทะลุ

 

 

รายงานทางการแพทย์ที่ระบุถูกตีพิมพ์ในวารสาร The New England Journal of Medicine วันที่ 21 สิงหาคม  2019 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ชายคนดังกล่าวถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ด้วยอาการปวดอย่างรุนแรงที่ช่วงล่างของหน้าท้อง

เมื่อแพทย์ผู้ดูแลอาการตรวจสอบอาการของชายชราในเบื้องต้น ทางโรงพยาบาลพบว่าชายชรานั้นมีหน้าท้องส่วนล่างที่อ่อนยวบและมีไข้เล็กน้อย

เมื่อสอบถามสาเหตุที่เป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง คนไข้ก็บอกกับแพทย์ว่าอาการของเขาเกิดขึ้นราวๆ หนึ่งวันหลังจากที่ทานปลาฮามาจิ (ปลาหางเหลือง) เข้าไป อย่างไรก็ตามอาการของเขาไม่เหมือนกับคนที่มีอาการอาหารเป็นพิษเสียเท่าไหร่

 

หน้าตาของปลาฮามาจิ

 

ด้วยเหตุนี้เองทางโรงพยาบาลจึงตัดสินใจทำซีทีสแกนช่วงหน้าท้องของชายชรา และพบว่าลำไส้เล็กของเขาถูกแทงจนทะลุด้วยวัตถุเชิงเส้นบางอย่างที่มีความหนาแน่นสูง

แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ทีมแพทย์ก็ตัดสินใจที่จะทำการผ่าตัดเพื่อนำวัตถุแปลกปลอมออกจากร่างของคนไข้ ซึ่งสิ่งที่แทงทะลุลำไส้ของคนไข้ก็คือก้างปลาที่มีขนาดราวๆ 2 เซนติเมตร แต่การจะดึงก้างปลาที่ตำลำไส้จากด้านในออกมาจากอีกด้านของลำไส้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างทำได้ยาก

ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาคนไข้ทีมแพทย์จึงตัดส่วนหนึ่งของลำไส้เล็กออกมาพร้อมๆ กับก้างปลา และให้ยาปฏิชีวนะกับผู้ป่วยเพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป

 

 

เป็นเรื่องที่เราทราบกันดีว่ามนุษย์เผลอกลืนกางปลากันเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยที่ก้างปลาจะตำหรือแทงอวัยวะภายใน

โดยอ้างอิงจากรายงานในปี 2014 โอกาสของสิ่งที่ทานเข้าไปตามปกติ มีไม่ถึง 1% ที่จะแทงลำไส้จนทะลุ ดังนั้นแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จึงนับว่าเป็นกรณีศึกษาที่ดีอีกครั้งหนึ่งของทีมแพทย์เลยก็ว่าได้

ส่วนชายชราผู้เป็นคนไข้ ในรายงานระบุไว้ว่ามีการฟื้นตัวที่ดี และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้แล้ว หลังจากที่เฝ้าดูอาการเป็นเวลา 8 วัน

 

ที่มา livescience


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น