CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

นักท่องเที่ยวเยอรมัน ชงกาแฟดื่มเอง ถูกเชิญออกจากเมืองเวนิส & ปรับกว่า 3 หมื่นบาท

ทวีปยุโรปถือเป็นทวีปที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม และโดดเด่น ทั้งจากวัฒนธรรมที่น่าสนใจ สถาปัตยกรรมอันตระการตา และบางสถานที่อาจมีประวัติมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมได้เลย

เช่นเดียวกันกับสะพาน Rialto ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นสะพานที่เก่าแก่ มีความโด่งดัง และเชื่อว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยมากที่สุดในเมืองเวนิสอีกด้วย

 

 

นั่นจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมความสวยงามตระการตาของสะพานเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจำนวน 2 คนจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันที่กำลังจะกล่าวถึงในที่นี้ด้วยเช่นกัน

นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนในวัย 32 ปี และ 35 ปีกลับไม่ได้เพียงถ่ายรูปชมความงามเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป พวกเขาได้นำอุปกรณ์ชงกาแฟแบบพกพามาด้วย และชงกาแฟดื่มกันเพลินๆ ราวกับกำลังปิกนิกชิลๆ ซะงั้น?!!

 

 

ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาแถบนั้นเป็นงง ก่อนจะแจ้งตำรวจให้รับทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ให้เข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยทันที

และจากกฎหมายของประเทศอิตาลีนั่นเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับทั้ง 2 นักท่องเที่ยวเป็นเงินกว่า 950 ยูโร (ราว 33,000 บาท) สำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และขอให้พวกเขาออกจากเมืองเวนิสทันที

 

 

Luigi Brugnaro นายกเทศมนตรีได้กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เมืองเวนิสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเก่าแก่ และควรได้รับการปฏิบัติจากนักท่องเที่ยวด้วยความเคารพ”

“นักท่องเที่ยวไม่สามารถทำอะไรตามใจต้องการได้ ต้องขอบคุณตำรวจท้องถิ่นที่สามารถจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเชิญพวกเขาออกจากเมืองตามข้อกำหนดของกฎหมายได้”

 

 

ทั้งนี้ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลีเป็นเมืองในทะเลสาบที่มีประชากรเพียง 55,000 คน แต่กลับถูกบุกรุกจากนักท่องเที่ยวทุกๆ ปี ปีละประมาณ 30 ล้านคน จนเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เกิดกฎหมายใหม่ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครอง และปกป้องเมืองเวนิสจากนักท่องเที่ยวที่ทำตัวไม่เหมาะสม

กฎหมายใหม่นั้นยังครอบคลุมไปถึงการห้ามปิกนิกในบางพื้นที่ การห้ามอาบน้ำในน้ำพุ ห้ามถอดเสื้อ หรือชุดบิกินี่ในที่สาธารณะ เป็นต้น ซึ่งหากพบใครกระทำการดังกล่าวจะพบว่ามีความผิดเช่นกัน

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวเมษา

ที่มา: thelocal & independent

Comments

ใส่ความเห็น