จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังคงไม่ทราบแน่ชัดถึงโรคที่ชื่อว่า “มะเร็ง” หลายๆ คนที่ดูแลตัวเองดีทุกอย่าง ทั้งออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ และงดอาหารและกิจกรรมที่เสี่ยงเป็นมะเร็ง แต่ก็ยังตรวจพบโรคนี้ในตัวจนได้
และมันยังเป็นโรคร้ายที่ยังไม่มีวิธีรักษาที่ทำให้หายขาดได้ง่ายๆ ผู้ที่เป็นจะต้องเข้ารับการรักษาซ้ำไปซ้ำมาเป็นประจำจนกว่าจะฆ่าเซลล์มะเร็งได้หมด แต่แม้จะหายแล้วก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ามันจะไม่กลับมาอีก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเคยหายจากโรคมะเร็งเลย ว่ากันว่ายารักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุดก็คือรอยยิ้มและความสุข ดังนั้นหากตัวผู้ป่วยและคนรอบข้างมีกำลังใจที่จะสู้กับมัน โอกาสหายก็มากขึ้นเท่านั้น
เด็กหญิง Maisy Dickson วัย 8 ขวบ สนิทกับ Chris คุณพ่อของเธอมากๆ ทุกคืนเธอจะต้องนอนกับคุณพ่อจนกระทั่งวันหนึ่งที่คุณพ่อของเธอป่วย ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
จริงๆ แล้ว Chris ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว หลังจากได้ฟังคำวินิจฉัยครอบครัวก็คอยสนับสนุนเขา ให้กำลังใจเขามาโดยตลอด และเขาก็ผ่านการทำคีโมมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่เนื้องอกก็โผล่กลับมาในทุกๆ 3 เดือน และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาแพทย์ก็พบเนื้องอกเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ก้อน ในตอนนั้นเอง Chris ตัดสินใจจะผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกไปเลย
และเพื่อเข้ารับการผ่าตัดเขาต้องไปนอนที่โรงพยาบาลและเป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องอยู่ห่างจากลูกสาวของตนเอง ซึ่งทีแรกพวกเขาคาดว่าจะใช้เวลาราว 2 อาทิตย์เขาถึงจะกลับบ้าน
หลังจากผ่านการผ่าตัดที่กินระยะนาน 9 ชั่วโมง เขาใช้เวลาเพียงแค่ 9 วันในการพักฟื้นแผลผ่าตัด และได้กลับบ้านก่อนกำหนด แต่ทั้ง Chris และภรรยาแอบเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจาก Maisy
หากดูไม่ได้คลิกที่นี่
ในวันที่เขากลับมาถึงบ้าน เขาไปแอบอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แล้วให้ Sharon ภรรยาของเขาบอก Maisy ว่าให้ลูกไปเช็กสแนปแชทของตนเอง เพราะ Chris ส่งข้อความมาหาเธอจากที่โรงพยาบาล
พอเธอเปิดดูก็พบรูปถ่ายเซลฟี่ของคุณพ่อที่นอนเอกขเนกอยู่บนโซฟาของบ้าน พร้อมข้อความขออ้อมกอดจากลูกสาว เท่านั้นแหละ
น้อง Maisy ก็รีบวิ่งปรู้ดจากชั้นบนลงมา เมื่อเห็นคุณพ่อน้องก็น้องกรี๊ดด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะร้องไห้โฮออกมาและเดินเข้าไปกอดคุณพ่อ
“ลูกผมร้องไห้หนักมากๆ ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ผมเองก็ร้องไห้เหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าไม่เคยมีใครที่แสดงออกว่ารักผมมากเท่านี้มาก่อนเลยครับ ผมยังรู้สึกเจ็บจากการผ่าตัดอยู่ แต่อย่างน้อย ลูกๆ จะได้ตื่นขึ้นมาในทุกเช้ากับความจริงที่ว่า พ่อของพวกเขายังมีชีวิตอยู่”
เรียบเรียงโดย #เหมียวม่วง
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น