นี่คงเป็นฝันร้ายที่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะเจอกับตัวเอง เมื่อชายคนหนึ่งแอบได้ยินภรรยาพูดลับหลัง บอกว่าเซ็กส์ของเขานั้นห่วยแตก หนักกว่านั้นคือเหมือนเขาจะไม่ใช่พ่อของลูกอีกด้วย?!
นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Justin (นามสมมุติ) วัย 39 ปี เขาแต่งงานกับภรรยามานานกว่า 7 ปีแล้ว และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ปัจจุบันอายุ 4 ขวบ
Justin เล่าว่าภรรยาของเขาไม่ได้เจอเพื่อนสนิทของเธอเลยตั้งแต่ช่วงกักตัว จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 หลังจากที่สถานการณ์เริ่มเบาลง เธอจึงชวนเพื่อนคนนั้นมากินข้าวที่บ้าน
ฝ่ายภรรยาก็ทำทีบอกให้สามีออกไปหาอะไรกินข้างนอก เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาเมาท์มอยตามภาษาผู้หญิงกับเพื่อนสนิท ซึ่งเขาก็ยินดีที่จะให้เธอได้มีเวลาส่วนตัวอยู่กับเพื่อน
Justin จึงพาลูกชายออกไปกินพิซซ่านอกบ้าน พอใกล้หัวค่ำก็พากันกลับมาแล้วคนเป็นพ่อก็กล่อมลูกชายเข้านอน ก่อนที่จะเดินลงไปบริเวณสวนหลังบ้าน ที่ซึ่งภรรยาและเพื่อนสนิทของเธอกำลังดื่มและพูดคุยกันอยู่
ชายหนุ่มบอกกับภรรยาวัย 35 ปีของเขาว่า เดี๋ยวเขาจะขึ้นไปดูกีฬาบนห้องนอน ปล่อยให้พวกเธอได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ จากนั้นคนเป็นสามีก็ผละออกไป
ทว่าในระหว่างที่เขากำลังเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊กที่วางเอาไว้อีกห้องหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงของภรรยาและเพื่อนสนิทของเธอพูดคุยกัน เพราะว่าห้องห้องนั้นอยู่ติดกับสวนหลังบ้าน
ประเด็นคือเขาได้ยินว่าภรรยาเอ่ยชื่อของเขาขึ้นมาในบทสนทนาค่อนข้างบ่อย Justin จึงอดไม่ได้ที่จะแอบแง้มหน้าต่างให้กว้างกว่าเดิม เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอพูดอะไรถึงเขา
แต่แล้วเรื่องที่ชายหนุ่มได้ยินก็เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล เพราะภรรยาแอบพูดลับหลังว่า…
“เซ็กส์ของเขานั้นห่วยแตกสิ้นดี และไม่เคยทำให้ฉันถึงจุดสุดยอดเลย”
เขารู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ภรรยาทำให้เขาคิดมาตลอดว่าชีวิตเซ็กส์ของพวกเขาทั้งคู่นั้นมันช่างยอดเยี่ยม แต่ความรู้สึกจริงๆ ของเธอมันกลับไม่ใช่อย่างนั้น
แถมยังมีอีกเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ซะอีก
บทสนทนาต่อมาที่ Justin แอบได้ยินก็คือ เพื่อนสนิทของภรรยาได้ถามออกมาว่า…
“แล้วนี่ครั้งล่าสุดสามีเธอผิดสังเกตอะไรบ้างหรือเปล่า? เขารู้มั้ยว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของลูกน่ะ?”
ประโยคนี้ทำเอา Justin ถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนั้นในหัวของเขาว่างเปล่าจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต หลังจากที่ได้รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา
สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนั้นก็คือกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมา เดินเข้าห้องนอนแล้วพยายามข่มตาหลับเพื่อหวังว่าจะได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยิน ซึ่งพอภรรยาของเขาเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ
Justin ไม่อาจทนนอนอยู่ร่วมกันกับภรรยาได้ วันต่อมาเขาจึงหลบออกไปนอนโรงแรม เพื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แล้วจึงกลับมาบ้านในช่วงสุดสัปดาห์
พอเข้าบ้านมา เขาแทบจะไม่สามารถมองหน้าภรรยาของตัวเองได้เลย ซึ่งเธอก็ได้ถามกับเขาว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” สุดท้าย Justin จึงตอบเธอไปว่าเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดในวันนั้น
หลังจากที่สามีพูดออกมาตรงๆ ภรรยาก็ยอมสารภาพกับเขาตรงๆ ว่า เธอนอกใจเขาไปมีคนอื่นจริง ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยืนยันว่าลูกชายวัย 4 ขวบคือลูกของ Justin เอง
เธอบอกว่าในวันนั้นมันเหมือนเป็นคำพูดไร้สาระของคนเมา คือเพื่อนของเธอเล่าว่าไปเจอผู้ชายที่เซ็กส์ห่วยแตกมากๆ มา เธอก็แค่ยอมรับแล้วเออออไปด้วยเท่านั้นเอง
แม้ภรรยาจะยอมบอกอะไรหลายๆ อย่างกับเขา แต่หลังจากที่ Justin ตั้งสติได้แล้ว เขาก็ต้องการพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ ทว่าภรรยากลับไม่เห็นด้วย บอกว่ามันไม่จำเป็น
ภรรยาของเขาบอกว่าทางออกเดียวคือการพากันไปรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ โดยที่ Justin ไม่ค่อยเห็นด้วยที่เธอไม่ยอมให้เขาพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ
ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงเขียนจดหมายส่งมาปรึกษา Deidre Sanders
Deidre คือคอลัมนิสต์ผู้คอยให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาส่วนตัวของผู้คนมานานกว่า 30 ปี ซึ่งเธอก็ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวของ Justin ว่า…
“ฉันไม่อยากให้คุณคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอในทันที เพราะคุณจะรับได้มั้ยกับข่าวร้ายที่อาจเกิดขึ้น คุณจะทอดทิ้งลูกชายสุดที่รักที่คุณเลี้ยงดูมานานกว่า 4 ปีได้ลงคอเลยหรือเปล่า?”
Deidre บอกว่า ในเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ของพวกเขาแฮปปี้กันมาโดยตลอด แทนที่จะทิ้งเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตคู่ไปจนหมด การพากันไปรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็อาจทำให้เขาได้เห็นทางออกอื่นๆ อีกก็ได้
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: DearDeidre
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น