เราชาวทาสแมวยอมรับว่าแมวทุกตัวน่ารัก ต่อให้น้องๆ จะซุกซนบ้าง เราก็ยังรักพวกมันอยู่ดี แต่ไม่ใช่แมวทุกตัวที่จะเป็นเซเลบได้…
และวันนี้เหมียวขี้ส่องได้ไปเตะตาเข้ากับนุ้งแงวตัวหนึ่ง ที่เพิ่งจะเปิดตัวในกลุ่มทาสแมวต่างๆ ได้ไม่นาน แต่นางสามารถขโมยหัวใจพี่ๆ ทาสแมวไปนับไม่ถ้วน
พบกับกันดั้ม นุ้งแงวหน้ากวนที่พร้อมจะทำให้ทุกคนใจละลาย
กันดั้มเป็นแมวพันธุ์สก๊อตติช ช็อตแฮร์ เพศผู้ อายุ 7 เดือน อาศัยอยู่กับคุณพู่กัน ผู้เป็นเจ้าของ (ทาส)
เดิมกันดั้มเป็นของเพื่อนคุณพู่กัน แต่เนื่องจากเพื่อนคนดังกล่าวมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถเลี้ยงน้องต่อได้ คุณพู่กันจึงขอรับเลี้ยงมาดูแลต่อ เพราะตัวเธอเองเลี้ยงแมวสักพักหนึ่งแล้ว แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้
คุณพู่กันถูกชะตากับกันดั้มตั้งแต่แรกเจอ และยิ่งได้รู้ว่าเจ้าของกำลังจะหาคนรับไปเลี้ยงต่อ งานนี้เข้าทางเธอเลย ราวกับทุกอย่างมันถูกลิขิตไว้แล้ว
การเปลี่ยนทาสไม่ใช่ปัญหาสำหรับกันดั้มเลย เพราะน้องชอบคนและเข้ากับคนได้ง่าย ยิ่งใครที่เอาใจนางมากๆ นางก็จะยิ่งติดคนคนมากเป็นพิเศษ
แต่ช่วงแรกๆ กันดั้มจะขี้อายนิดๆ เขินหน่อยๆ คงเป็นเพราะยังไม่ชิน อย่างไรก็ตาม หลังจากนางคุ้นกับกับทาสใหม่แล้ว นางก็กลายเป็นแมวขี้อ้อนสุดๆ ชอบนอนซบมือ และซนบ้างตามประสาเด็ก 7 เดือน
นอกจากขี้อ้อน และซนนิดๆ แล้ว กันดั้มยังเป็นแมวที่กินจุมาก (เด็กกำลังโตอะเนอะ) จึงไม่แปลกที่หน้าน้องจะบวม และตัวพองๆ
ทุกๆ เช้า กันดั้มชอบเอาร่างอันอวบอั๋นขึ้นไปนอนทับคุณพู่กัน ซึ่งตอนแรกหญิงสาวนึกว่าโดนผีอำ เพราะหายใจไม่ออก เธอถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว
แต่ภายหลังมารู้ว่าไม่ใช่ผี แต่เป็นเจ้ากันดั้มนั่นเอง และที่มันทำแบบนั้นก็เพราะมันหิวและอยากปลุกเธอให้ไปเทอาหารให้นั่นเอง
แม้กันดั้มจะเป็นแมวขี้อ้อน ติดทาส แต่ขณะเดียวกัน มันชอบทำหน้าไม่พอใจเวลาถูกทาสอุ้ม หรือบังคับให้ถ่ายรูป ซึ่งสิ่งนี้แหละที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของน้อง และทำให้พี่ๆ ทาสแมวตกหลุมรัก
ถ้ามีของกิน ให้ทำอะไรดั้มก็ยอมทั้งนั้น
แต่ถ้าหลอกกัน ดั้มจะไม่ทนแน่นอน
ใครว่าดั้มอ้วน ไม่จริงนะ เพราะดั้มยังมีคอ
เมื่อไหร่จะปล่อยเลาลงสักที เลาจะไปบวกแมวส้มซอยข้างๆ
.
เลาไม่ได้อ้วนหรอก ที่เห็นอยู่คือภาพลวงตา
หน้าตาตอนโมโหเลเวล 2
พักสายตาเถอะนะคนดี
เห็นนกแล้วหมั่นเขี้ยวจริงจริ๊ง อย่าให้จับได้นะ
อ่าว นกกินไม่ได้หรอ?
ไม่ เลายังไม่อยากเข้าบ้าน อย่าบังคับเลาสิ
เอ๊ะ ก็บอกว่ายังไม่อยากเข้าบ้านไง
.
ถึงเลาจะดื้อบ้างแต่เลาก็น่ารักนะ
ที่มา Kanokporn Khamsisin
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น