ในขณะที่ประเทศจีนกำลังเข้าสู่สภาวะปกติจากวิกฤตไวรัสระบาดภายในประเทศ แต่ก็ยังคงมีการเฝ้าระวังการกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
และแล้วเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อหนึ่งในนักศึกษาหญิงในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง เดินทางกลับเข้าประเทศมาจากนิวยอร์ก กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ใหม่ทำคนติดเชื้อกว่า 70 ราย จนทำให้ทั้งเมืองต้องถูกสั่งปิดทันที
จากการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า หญิงนักศึกษาวัย 22 ปี เดินทางกลับจีนมาจากกรุงนิวยอร์กเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2020
เธอได้รับคำสั่งให้กักตัวอยู่ภายในบ้านหลังจากเดินทางกลับมา จนกระทั่งทราบผลตรวจหาเชื้อ COVID-19 เป็นลบในวันที่ 31 มีนาคม 2020
หลังจากพ้นระยะการกักตัว 14 วันไปแล้ว เธอก็ได้รับผลการตรวจเป็นลบอีกรอบ นั่นจึงทำให้ทางการปล่อยการกักตัวของเธอในวันที่ 3 เมษายน 2020
2 วันให้หลังเธอออกไปทานอาหารร่วมกับครอบครัว รวมถึงเดินทางไปเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 5 เมษายน 2020 และอยู่ในเซี่ยงไฮ้เป็นเวลา 3 วัน
สาธารณสุขประจำเมืองฮาร์บินระบุว่าแม้จะมีผลตรวจเป็นลบ แต่เธอยังคงเป็นพาหะนำเชื้อไปแพร่ติดเพื่อนบ้าน ซึ่งกลายมาเป็นผู้ติดเชื้อในระหว่างการทำกิจกรรมทานอาหารร่วมกัน
โดยหนึ่งในนั้นเป็นชายสูงวัย 87 ปี ผู้ที่มีอาการของโรคลมชักและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใหญ่อีก 2 แห่ง นำไปสู่การแพร่กระจายเชื้อภายในโรงพยาบาล
ภายหลังญาติของผู้ติดเชื้อและเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลได้รับผลการตรวจเป็นบวกแม้จะยังไม่แสดงอาการออกมา และยิ่งไปกว่านั้นก็นำไปสู่การติดเชื้อของคนอีก 70 ราย
เมื่อเกิดเป็นเหตุการณ์แพร่ระบาดขึ้นมา ทางการจึงได้มีมาตรการสั่งปิดเมืองภายในทันที พร้อมกับการตั้งจุดตรวจคัดกรอง วัดไข้ มีการสแกนโค้ดสุขภาพเพื่อแสดงตัวว่าปลอดเชื้อ รวมไปถึงการสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา
สิ่งที่หนักกว่านั้นคือมีคนเดินทางกลับจากรัสเซีย ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 400 คน
https://twitter.com/wuwenhang/status/1251998456283123712
การรวมตัวรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ถูกสั่งห้าม อีกทั้งหากใครพบเห็นว่ามีใครไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัว สามารถแจ้งจับพร้อมกับรับเงินชี้เบาะแส 3,000 หยวน (13,700 บาท)
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น