เรื่องราวของชายหนุ่ม ที่แต่งงานกับภรรยาอยู่ด้วยกันมานานกว่า 12 ปี อยู่มาวันหนึ่งเธอกลับนอกใจไปหาชายอื่น เป็นเหตุให้ครอบครัวต้องพังทลายลง เขาเลยตัดสินใจยื่นฟ้องชู้รักของอดีตภรรยาและก็ชนะคดีซะด้วย!!
Kevin Howard จากเมือง Pitt County รัฐนอร์ท แคโรไลนา ได้แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับอดีตภรรยามานานกว่า 12 ปี แต่แล้วอดีตภรรยาของเขาก็เล่นไม่ซื่อ แอบไปคบชู้จนเป็นเหตุให้ครอบครัวต้องแตกแยก
นาย Kevin กล่าวว่า การแยกทางในครั้งนั้นเป็นเรื่องราวใหญ่โต และสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ให้กับชีวิตของเขา
“มันเป็นเรื่องยากที่สุดในชีวิตของผม ที่ผมต้องเผชิญ มันเหมือนกับมีคนโทรมาหาผม และแจ้งข่าวร้ายให้ผมทราบว่า ‘ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของผมทั้งหมด ได้เสียชีวิตลงแล้วนะ’ ยังไงอย่างงั้นเลย”
นาย Kevin Howard
ด้วยเหตุนี้ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะฟ้องร้องชู้รักของอดีตภรรยา ผู้เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของเขาต้องพังทลายลง ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เป็นมือที่สาม ที่ทำให้เกิดความบาดหมาง หรือห่างเหิน ระหว่างสามีและภรรยา’
กฎหมายที่ว่านี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ‘Homewrecker’ หรือ กฎหมายที่ว่าด้วยการทำให้ครอบครัวแตกแยก มีผลบังคับใช้ในรัฐ ฮาวาย, มิสซิสซิปปี้, นิวเม็กซิโก, เซาท์ดาโกตา, อูทาห์, และนอร์ท แคโรไลนา
ซึ่งกฎหมายดังกล่าว จะเปิดทางให้คู่สมรสสามารถฟ้องบุคคล ที่จงใจเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของสามีภรรยา เช่นเดียวกันกับที่นาย Kevin กำลังเผชิญอยู่
“ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมการแต่งงาน และครอบครัวอื่นก็น่าจะคิดแบบเดียวกับผม ทุกคนควรจะให้ความสำคัญกับคำสาบานที่กล่าวออกไปตอนอยู่ในพิธี และทำตามมันอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงเคารพกฎหมายด้วย”
ก่อนหน้าที่ Kevin และภรรยาจะเลิกกัน ทั้งสองคนเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ก็ไม่เป็นผล
ก่อนที่เขาจะมารู้ทีหลังว่าต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวของเขาต้องแตกหักลงนั้น ที่แท้จริงแล้วมาจากคนใกล้ตัว!?
Kevin ได้ทำการจ้างนักสืบเพื่อขุดข้อมูลให้ลึกลงไป และก็พบว่าชู้รักของอดีตภรรยานั้น เป็นคนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อน!!
“เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของอดีตภรรยา เขามาที่บ้านผมบ่อยๆ และมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน เราพูดเรื่องราวต่างๆ ด้วยกันมากมาย เราสนิทกันจนเรียกได้ว่าเป็น ‘เพื่อน’ เลยล่ะ”
จากหลักฐานต่างๆ ที่นาย Kevin รวบรวมมา ทำให้ศาลตัดสินให้เขาชนะคดี และฝ่ายชู้รักต้องจ่ายเงินชดใช้ให้เขาเป็นมูลค่ากว่า 750,000 เหรียญสหรัฐ (23 ล้านบาท)
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น