เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ได้ออกมาพูดให้การปฏิเสธจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบริวารของประเทศอื่น หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนด้านการลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล
สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาตอกกลับไปยังคำของเหล่านักวิจารณ์หลังจากที่มีการกล่าวหาว่า เขาให้ความไว้วางใจกับการรับเงินลงทุนช่วยเหลือจากจีนมากเกินไป และอาจนำสู่การทำร้ายอธิปไตยของประเทศและผลประโยชน์ของชาติ
จากกรณีดังกล่าว สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกับสื่อ Phnom Penh Post ระบุว่ากัมพูชาไม่ได้เป็นรัฐบริวารของจีนแต่อย่างใด และเขาเชื่อมั่นว่าความช่วยเหลือจากทุนจีนเหล่านี้ช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้
“บางคนบอกว่าจีนสร้างถนน มีการให้ทุนและเงินกู้แก่กัมพูชาเพื่อสร้างถนน พวกเขาพูดว่ากัมพูชาคือรัฐบริวารของจีน และกัมพูชาเลือกจีนมากกว่าชาติมหาอำนาจชาติอื่น
แต่ผมอยากจะถามกลับเหมือนกัน หากจีนไม่ได้สร้างถนนเส้นนี้หรือสะพานนั้น แล้วใครเป็นคนสร้างล่ะ?”
สมเด็จฮุนเซนยังเอ่ยเพิ่มเติมว่าหากใครต้องการพิสูจน์ได้ว่าชาติอื่นนอกเหนือจากจีน สามารถช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานให้กับกัมพูชาได้ เขายินดีที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เขายังกล่าวไปถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ว่าช่วยสร้างถนนกับสะพานให้บ้าง แต่จีนช่วยสร้างถนนหลายพันกิโลเมตรให้กับกัมพูชามากกว่า
ในการนี้ก็มีการส่งบันทึกทางการทูตที่มีความคิดเห็นของของสมเด็จฮุนเซน ส่งไปยังสถานทูตทุกแห่งในประเทศด้วย
แม้จะปฏิเสธ แต่มีความใกล้ชิดกับจีนมากเป็นพิเศษ
จากประเด็นที่ถูกกล่าวหานั้นสมเด็จฮุนเซนได้ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้เป็นรัฐบริวารของจีน แต่ด้วยการบริหารประเทศที่ผ่านมานั้นมีการให้ข้อยกเว้นแก่จีนมากเป็นพิเศษ
หากย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนนับว่าเป็นชาติที่นำเงินมาลงทุนในกัมพูชามากที่สุดถึง 70% ของเงินลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นกับเวียดนามตามมาติดๆ
ในปี 2018 เพียงปีเดียว จีนได้ทุ่มเม็ดเงินจำนวน 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในกัมพูชา โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เงินไปกับการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกัมพูชา
สมเด็จฮุนเซนเองบริหารกัมพูชามายาวนาน 35 ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากจีนและยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้น และห่างเหินจากสหรัฐอเมริกากับชาติยุโรปจากการบริหารประเทศของเขาและปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน
โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปิดพรมแดนต่อชาติตะวันตก 5 ชาติได้แก่เยอรมนี สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม 2020 กลับเปิดทางให้ทหารจีนเข้ามาร่วมฝึกในประเทศกัมพูชาได้อย่างเปิดเผย
และจากตอนที่โควิด-19 กำลังระบาดหนักในจีน สมเด็จฮุนเซนไม่ได้มีคำสั่งห้ามชาวจีนเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด และตัวท่านเองยังเดินทางไปพบกับ สี จิ้นผิง ที่ปักกิ่งในช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์
ที่มา: phnompenhpost
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น