การเกิดมาพร้อมกับ “ความผิดปกติ” บางอย่างนั้น อาจเรียกได้ว่ามันคือความโชคร้ายที่เราไม่สามารถเลือกได้ ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถเลือกที่จะมอง เลือกที่จะคิด เลือกที่จะอยู่ร่วมกับความผิดปกตินั้นได้…
และเมื่อตัวเราเองมองว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ต่อให้คนรอบข้างจะมองว่าอย่างไร แต่สุดท้ายเราก็จะเข้าใจและยอมรับมัน พร้อมมีรอยยิ้มในทุกๆ วัน เหมือนกับหนูน้อยคนนี้
เด็กชายตัวน้อยชาวมาเลเซีย ผู้เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติตรงแขนข้างซ้าย
William Foo พ่อของเด็กชายคนที่เราเห็นในภาพ เขาก็ได้นำเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจมาแชร์ให้กับทุกคนได้ฟังกันผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อ KL吹水站
เรื่องมีอยู่ว่า ในวันหนึ่งลูกชายของเขาก็ไปโรงเรียนตามปกติ ก่อนจะมีเพื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่า…
“ทำไมแขนของนายเป็นอย่างนี้ล่ะ? มันดูเหมือน “มือไก่” เลย”
คำถามนั้นอาจฟังดูเหมือนเป็นการล้อเลียน แต่ในขณะเดียวกันมันก็คือความสงสัยของเด็กๆ ทั่วไปที่มักจะถามเวลาเจออะไรแปลกๆ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือคำตอบของเด็กชายต่างหาก
เด็กชายผู้เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติที่เลือกเองไม่ได้ เขาก็ตอบกลับเพื่อนคนนั้นไปอย่างเรียบเฉยว่า…
“แขนฉันมันดูเหมือนเท้าไก่ต่างหากล่ะ ไม่ใช่มือไก่”
คำตอบสั้นๆ นั้นเองที่ทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายเป็นอย่างมาก ตอนแรกเขาคิดว่าลูกอาจรู้สึกน้อยใจหรือเสียใจกับพูดของเพื่อน แต่เขากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาตอบออกไปตรงๆ และดูเป็นผู้ใหญ่เอามากๆ
อย่างไรก็ตาม ชีวิตในโรงเรียนของเด็กชายก็ไม่ได้ราบรื่น เพราะเขามักจะถูกล้อเลียนเกี่ยวกับความผิดปกติที่เห็นนี้อยู่เป็นประจำ ทว่าเด็กชายก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนั้นแต่อย่างใด
ครอบครัวของพวกเขา
William เคยถามกับลูกชายว่า “รู้สึกแย่มั้ยที่ต้องถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้ออยู่เป็นประจำ?” คำตอบที่ได้ก็คือ…
“คนจำนวนมากหัวเราะผม ถ้าพวกเขาอยากล้อเลียนผม ก็ปล่อยพวกเขาทำไป ผมยังคงทำสิ่งต่างๆ กินอาหารได้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่มีอยู่นี้”
คำตอบที่ได้กลับมายิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกประทับใจและภาคภูมิใจในตัวลูกชายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาจึงนำเรื่องนี้มาแชร์ให้ทุกๆ คนได้รับรู้กันในโลกโซเชียล
เรื่องราวของเด็กชายอาจกลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆ ซึ่งไม่ว่าจะต้องเจอกับสิ่งใดที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต สุดท้ายแล้วมุมมองของเรานี่แหละที่จะเป็นตัวกำหนดว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีความหมายอย่างไรกับเรา
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: William Foo , World of Buzz
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น