ลูกแมวครอกหนึ่งถูกพาไปยังคลินิกสัตว์ในแอริโซนา หลังจากที่พวกมันถูกพบลำพังข้างนอก โดยไร้เงาของแม่แมว และด้วยความที่ลูกแมวเพิ่งอายุได้แค่ 1 วัน พวกมันจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ทางคลินิกจึงติอต่อไปหา Shelbi Uyehara ผู้ก่อตั้ง Jin’s Bottle Babies เพื่อขอให้เธอช่วย ซึ่งเธอก็ตอบตกลงและรีบมาหาลูกแมวครอกนี้ทันที
สำหรับกรณีลูกแมวแรกเกิดที่ไม่มีแม่ดูแล พวกมันจำเป็นต้องได้กินนมทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และต้องอยู่ในตู้อบเพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ขณะที่ Shelbi รับลูกแมวทั้ง 5 ตัวไป เธอสังเกตเห็นว่าหนึ่งในนั้นดูโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆ มันคือ Pikitis ซึ่งเป็นลูกแมวสีขาว-ดำ ที่ยังไม่ลืมตา
Pikitis เรียกร้องความสนใจจาก Shelbi โดยการร้องออกมาอย่างดังที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ และมันยืนกรานที่จะไม่หยุดร้องจนกว่าจะถูกอุ้ม
ต่อมาเมื่อลูกแมวลืมตาได้แล้ว Pikitis เป็นตัวเดียวที่พยายามเดินเตาะแตะไปหาผู้ดูแล เพื่อรับความสนใจจากพวกเขา ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ Shelbi เดินเข้ามาในห้องของมัน มันจะรีบเดินมาหาเธอและปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเธอ
Pikitis กับพี่น้องถูกพาไปแนะนำกับลูกแมวครอกอื่นๆ อีก 5 ตัว เพื่อให้พวกมันเป็นเพื่อนกันและเติบโตไปด้วยกัน ด้วยความที่ลูกแมวทั้ง 2 ครอก ไม่มีแม่เหมือนกัน พวกมันจึงเข้ากันได้เป็นอย่าง
แต่ในขณะที่ลูกแมวตัวอื่นๆ พากันวิ่งวุ่นทั่วห้อง Pikitis เลือกที่จะนั่งบนตักของ Shelbi เพื่อให้เธอลูบและกอด
หาก Pikitis มีสิ่งที่ต้องการ มันไม่เคยอายที่จะร้องขอ Shelbi บอกว่า “Pikitis เป็นลูกแมวช่างพูด ทุกๆ เช้า มันจะตื่นก่อนเพื่อนๆ และร้องออกมาอย่างเสียงดัง เพื่อแจ้งเตือนเราว่า มันยังไม่ได้กินมื้อเช้า”
“และระหว่างวันมันก็จะร้องเหมือนกัน เพื่อเตือนเราว่า มันไม่ได้ถูกลูบมาสักพักหนึ่งแล้ว”
Shelbi บอกอีกว่า “ทุกครั้งที่ฉันเดินเข้าไปในห้องของลูกแมว Pikitis จะเป็นตัวแรกที่เดินมาหาฉันและปีนขึ้นบนอก คอ หรือไหล่ของฉัน”
“Pikitis จะเป็นคนเลือกทาสด้วยตัวเอง และหากมันเลือกคุณแล้ว คุณก็ต้องตกเป็นทาสมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ต่อมาเมื่อลูกแมวหย่านมแล้ว Erin อาสาสมัครของ Jin’s Bottle Babies ก็รับหน้าที่อุปถัมภ์เด็กๆ เพื่อให้พวกมันเรียนรู้การเข้าสังคมจากครอบครัวของเธอ
ในบรรดาแมวทั้งหมด Pikitis เป็นที่สะดุดตาของ Erin มากที่สุด ก่อนจะกลายเป็นลูกแมวตัวเดียวที่ครองพื้นที่ตักของเธอ “มันพยายามที่จะอยู่ใกล้ๆ ฉันตลอดเวลา” Erin บอก
Pikitis อยากให้ทุกคนเห็นมันและสนใจมัน และเมื่อถึงเวลาที่เด็กๆ พร้อมสำหรับการรับเลี้ยง พี่น้องของมันทุกก็ทยอยได้บ้านกันทีละตัวๆ
และปรากฏว่ามีเพียงแค่ Pikitis ตัวเดียวที่ยังอยู่ในบ้านอุปถัมภ์ เพราะหาบ้านไม่ได้ Erin จึงปลอบใจมันด้วยการกอดและให้ความสนใจมัน เพื่อไม่ให้มันรู้สึกโดดเดี่ยว
ตั้งแต่นั้นมา Pikitis ก็เดินตาม Erin ไปทั่วบ้าน และมันจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เธออุ้มมัน “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกแมวที่ขี้อ้อนที่สุดจะเป็นตัวเดียวของครอกที่หาบ้านไม่ได้” Erin บอก
แต่ถึงอย่างนั้น Pikitis ก็ยังคงอดทนรอบ้านหลังสุดท้ายต่อไป
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีครอบครัวหนึ่งเดินทางมาหา Pikitis หลังจากทราบเรื่องของมัน ซึ่งเมื่อมิ้วน้อยเห็นพวกเขา มันก็เดินเข้าไปทักทายอย่างไม่ลังเลย ก่อนจะดมแก้มพวกเขาและกรนออกมาอย่างเสียงดัง
เจอแบบนี้เข้าไป ครอบครัวดังกล่าวก็ตกหลุมรัก Pikitis ทันที และรู้ว่าพวกเขาคือคนี่มันเลือก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่พาลูกแมวขี้อ้อนตัวนี้กลับบ้าน
ตอนนี้ Pikitis มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขในบ้านหลังใหม่ และมันก็ได้ฉลองเทศกาลแห่งความสุขครั้งแรกในชีวิตพร้อมกับครอบครัวของมัน
ที่มา lovemeow
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น