จากข่าว “น้องแก้ม” ที่ถูกเพื่อนๆ แกล้งฉีดน้ำหอมใส่ จนเป็นลมไปเพราะโรคหอบหืด
แถมยังถูกแกล้งแต่งหน้าให้ดูเหมือนศพซ้ำอีก จนกลายเป็นประเด็นที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
เรามาย้อนดูเหตุการณ์กันสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง…
https://www.youtube.com/watch?v=h8NkMbpD0c0&feature=emb_title
น้องแก้มเรียนอยู่ชั้น ม.1 และมีโรคประจำตัวเป็นหอบหืด และมีอาการแพ้น้ำหอมที่เพื่อนร่วมชั้นเอามาฉีด จึงบอกกับเพื่อนไปว่าเหม็น และรู้สึกขมคอ
พอเกิดเหตุดังกล่าวแทนที่เพื่อนๆ จะรีบไปแจ้งกับคุณครู แต่กลับมาแกล้งน้องแก้มซ้ำต่ออีกด้วยการเอาแป้งมาทาหน้าให้ดูคล้ายกับศพ พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอ และรูปภาพกันอย่างสนุกสนาน
พอเพื่อนทราบแทนที่จะหยุดทำ แต่ดันเอาน้ำหอมมาฉีดใส่ จนทำให้น้องแน่นหน้าอก และหมดสติไป
หลังจากนั้นไม่นานคุณครูก็มาพบเข้าจึงพาน้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาล และได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งเบื้องต้นน้องอาการปลอดภัยดี แต่ก็ยังต้องมีการส่งตรวจเช็กร่างกายโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา สำนักข่าวช่องวัน ได้เปิดเผยความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
จากการสัมภาษณ์นายอิทธิพล พลเหี้ยมหาญ ผู้อำนวยการของโรงเรียนที่น้องแก้มเรียนอยู่
โดยผู้อำนวยการยืนยันว่า “เพื่อนในกลุ่มไม่ได้เจาะจงแกล้งเฉพาะน้องแก้มโดยตรง แต่เล่นกันในกลุ่ม มีการเอาน้ำหอมมาฉีดดับกลิ่นให้เพื่อนๆ หลายคนตามประสาเด็ก โดยที่ไม่รู้ว่าใครมีอาการแพ้”
“จากนั้นน้องแก้มก็ไม่ได้มีอาการเป็นลมหมดสติไปแบบผิดปกติ แต่อยู่ๆ น้องแก้มก็บอกว่ารู้สึกง่วง จึงไปนอนฟุบบนโต๊ะ จากนั้นเพื่อนก็คิดว่าหลับ จึงพากันแกล้งตามประสาเด็ก”
“หลังจากนั้นไม่นานครูก็มาเห็น และพาส่งไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งช่วงเกิดเหตุนั้นเพื่อนๆ ยืนยันว่าน้องแก้มยังรู้สึกตัว ขยับตัว จึงคิดว่าไม่มีอันตรายจึงแกล้งต่อ”
นายอิทธิพล พลเหี้ยมหาญ ผู้อำนวยการของโรงเรียน
อย่างไรก็ตามทางด้านของน้องแก้มนั้นครอบครัวเผยว่า ยังมีความวิตกกังวลเรื่องสุขภาพของน้อง เนื่องจากว่ายังมีอาการอ่อนเพลีย ตอบโต้ช้า คาดว่าอยู่ในช่วงวิตกกังวล และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และตอนนี้ก็ยังรอผลตรวจจากแพทย์อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องที่มีการแกล้งกันทางครอบครัวเองก็ไม่ติดใจเอาความ เพราะเห็นว่าเด็กในกลุ่มเพื่อนทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
และฝากฝังให้คุณครูดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้อีก และทางโรงเรียนเองก็รับปากว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องการตรวจรักษาและการดูแลสภาพจิตใจของครอบครัว รวมถึงเด็กในกลุ่มด้วย
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ที่มา : ข่าวช่องวัน
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น