CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ชายญี่ปุ่นผู้ดำรงชีพด้วยคูปองตลอด 36 ปี ไม่ต้องควักเงินออกจากกระเป๋าเลยสักเยนเดียว…

ถือว่าเป็นชีวิตในความฝันที่หลายคนอยากจะไปถึงจุดนั้นให้ได้ กับการไม่ต้องใช้เงินในการดำรงชีพ และปล่อยให้เงินเป็นตัวทำงานแทนเรา และเคสประเภทนี้ก็มีคนที่เป็นแบบนั้นอยู่จริงๆ ด้วย

 

 

ชายคนนี้ชื่อว่านาย คิริยะ ฮิโรชิ วัย 71 ปี ชายผู้ไม่ได้ควักเงินออกจากกระเป๋าเพื่อดำรงชีพมาตลอด 36 ปีเต็ม และสิ่งที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะการเริ่มต้นลงทุนเล่นหุ้นตั้งแต่อายุ 35 ปี

 

 

เนื่องจากในตลาดหุ้นของประเทศญี่ปุ่น จะมีระบบรางวัลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนไปจำนวนหนึ่ง และจะได้รับคูปองส่วนลดต่างๆ ในรูปแบบรางวัลกลับมา

และมูลค่าหุ้นในตลาดตอนนี้ที่เขาลงทุนไปนั้นมีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านเยนไปแล้ว (89 ล้านบาท)

 

 

ปัจจุบันนายคิริยะได้ลงทุนหุ้นในบริษัทกว่า 900 แห่ง และทางบริษัทก็ได้ตอบแทนเขาด้วยคูปองเหล่านี้ทุกปี โดยเขาเปิดเผยผ่านรายการวาไรตี้ในโทรทัศน์ว่าจะใช้คูปองเอาไปแลกของใช้จำเป็น อย่างเช่นพวกข้าว น้ำมันพืช เกลือ เสื้อผ้า รองเท้า รวมไปถึงจักรยานคู่ใจ

นั่นหมายความว่าตั้งแต่อายุ 35 ปีที่ลงทุนเล่นหุ้นไป เขาก็ใช้แต่คูปองแลกซื้อของจำเป็นได้ทุกอย่างในชีวิต

 

 

นายคิริยะเองยังคงเข้มงวดกับงบประมาณอยู่เสมอ และจะไม่ยอมแลกสิ่งของที่เกินมูลค่าของคูปองโดยเด็ดขาด ส่วนของการเดินทางไปไหนมาไหนนั้นเขาก็เลือกที่จะปั่นจักรยานแทน

 

 

แน่นอนว่าการไม่ได้ใช้เงินเหมือนคนอื่นๆ เลย จึงทำให้กระเป๋าตังค์ของเขาเต็มไปด้วยคูปองซ้อนกันเต็มไปหมด ไม่มีวี่แววของบัตรหรือเงินสดในนั้นเลย

 

 

เขาไม่มีแผนที่จะซื้อบ้านอยู่ แต่เลือกที่จะเช่าห้องเล็กๆ แทน และใช้ชีวิตทุกวันด้วยสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในหลายๆ บริษัทดำรงชีวิต ออกไปปั่นจักรยานไปตามท้องถนนเมืองโตเกียว

อย่างในทุกๆ ปี เขาจะได้รับตั๋วหนังมากกว่า 300 ใบ ทำให้เขาจะไปดูหนังตอนไหน เรื่องไหนก็ได้ ตามที่อยากจะไปดู

 

 

พูดถึงเรื่องอาหารการกิน อาจจะยากลำบากนิดหน่อยเพราะเขามักมีความอยากกินมื้อที่แพงกว่าคูปองใช้แลก แต่สุดท้ายก็เลือกจบที่มื้อราคาพอดีกับคูปอง เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินสดเพิ่มเติม

 

 

วิถีชีวิตของเขาในหนึ่งวันก็คือการออกไปทานข้าวด้วยคูปอง แล้วก็ปั่นจักรยานเล่นไปทั่วเมือง ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักเยนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

 

.

 

ที่มา: sinchew, redchili21


Posted

in

,

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น