การที่คนเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น มันมักจะมาจากแรงบันดาลใจบางอย่างที่สำคัญต่อชีวิตของเราเอง เหมือนอย่างแรงบันดาลใจของชายหนุ่มวัย 31 ปีคนนี้
นี่คือเรื่องราวของ George Middleton หนุ่มชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในเขตแฮมป์เชียร์ ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการลดน้ำหนัก และนั่นก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของร่างกายและจิตใจ
George ในตอนที่ยังคงขาดแรงบันดาลใจ
กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ชีวิตจริงอันแสนโหดร้าย
เขาได้เล่าถึงเรื่องราวของตนเอง จุดเริ่มต้นของหลายๆ สิ่งที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนที่มีน้ำหนักเยอะกว่าคนปกติ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือนี่คือจุดเริ่มต้นของการที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่อ้วนมากๆ นั่นเอง
George ได้อธิบายย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังอายุเพียงแค่ 5 ขวบ ณ ตอนนั้นเขามีความฝันที่อยากจะเป็นนักกฎหมาย หรือทนายความ
ความใฝ่ฝันในวัยเด็กได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของเขา มันคือแรงผลักดันที่ทำให้เขาตั้งใจเรียนและสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคณะนิติศาสตร์ได้สำเร็จ
แต่แล้ววันเวลาผ่านไป การเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็ทำให้เขาได้เริ่มพบกับอุปสรรคหลายๆ อย่าง มันกลับกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจในการสานฝันของเขา
ยิ่งเมื่อถึงตอนที่เขาเรียนจบและต้องออกมาเผชิญกับชีวิตจริงด้วยแล้ว สิ่งที่เขาเจอนั้นกลับทำให้เขายิ่งเกิดความรู้สึกท้อแท้ กลายเป็นคนที่สิ้นหวังไม่อาจหางานทำในเส้นทางกฎหมายที่วาดฝันเอาไว้ได้
จุดเริ่มต้นของการกินที่มากกว่าคนทั่วไป
แรงกดดันและความสิ้นหวังก่อให้เกิดความเครียด กลายเป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าในชีวิตของตัวเอง George คิดว่าในตอนนั้นเขามีความใกล้เคียงกับคนที่จะฆ่าตัวตายเอามากๆ
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปลิดชีวิตตัวเอง สิ่งที่เขาทำเพื่อหาทางขจัดความทุกข์ก็คือการกิน เขาเริ่มกิน กิน กิน แล้วก็กินมากขึ้นเรื่อยๆ
หลายๆ สิ่งต้องพังทลายลง
พฤติกรรมดังกล่าวได้ทำให้เขากลายเป็นคนที่กินวันละ 5 มื้อ รวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 10,000 แคลอรีต่อวัน ซึ่งนั่นมันมากกว่าปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายวัยเดียวกันถึง 5 เท่า
การกินได้เปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนที่มีร่างกายอ้วนฉุ น้ำหนักกว่า 196 กิโลกรัม และสิ่งนั้นก็ได้ส่งผลกระทบไปถึงสภาพจิตใจของเขา
ความมั่นใจกลายเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในตัว George ซึ่งนั่นก็ส่งผลทำให้เขาไม่กล้าออกไปไหนมาไหน ไม่ยอมออกไปหาเพื่อนๆ ไม่แม้แต่จะออกไปงานแต่งของน้องสาวหรือเพื่อนสนิท
“ผมเห็นรูปตัวเองในเฟซบุ๊กแล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกละอายใจที่จะออกไปพบผู้คน”
สิ่งนั้นได้กลายเป็นการตัดความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนจำนวนมาก George ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวอยู่นาน 6-7 ปี ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงเคี้ยวอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลายอยู่ในทุกวัน วันละเยอะมากๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต
George เล่าว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันเกิดขึ้นในตอนที่เขาไปตรวจร่างกายกับแพทย์ในโรงพยาบาล
ตอนนั้นเองที่ George ได้รู้ว่าตัวเขาเองกำลังเผชิญกับโรคร้ายหลายอย่าง ทั้งความดัน มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพจิตหลายๆ อย่าง
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะแพทย์ยังบอกอีกว่าเขากำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งนั่นอาจทำให้เขาต้องเสียเท้าข้างหนึ่งไป
“หมอถามผมว่าผมชอบยืนด้วยเท้า 2 ข้างมั้ย? พอผมตอบว่าชอบ เธอก็บอกกับผมว่าถ้าอย่างนั้นมันก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว”
เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน?!
ด้วยความกลัวที่จะต้องเสียเท้าไป ในที่สุด George ก็ได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองในที่สุด เขาเริ่มจากการซื้อนาฬิกาอัจฉริยะมาเพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจ และดูว่าในแต่ละวันเขาเดินไปกี่ก้าวแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินรอบๆ หมู่บ้าน เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ทำอย่างนั้นทุกวันซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ และเลิกกินอาหารฟาสต์ฟู้ดทุกชนิด
พอน้ำหนักเขาเริ่มลดลง George จึงเริ่มไปออกกำลังกายอื่นๆ เพิ่มเติม เน้นกินอาหารเพื่อสุขภาพ ใส่ใจทั้งในเรื่องของโภชนาการการกินและการออกกำลังกายควบคู่กันไป
George กับการเปลี่ยนแปลงของเขา
ผ่านไป 2 ปี ในที่สุดเขาก็สามารถลดน้ำหนักลงไปได้มากถึง 101 กิโลกรัม มากกว่าครึ่งหนึ่งจากที่เขาเคยเป็น และมันก็ส่งผลอะไรหลายๆ อย่างให้กับเขาเป็นอย่างมาก
อย่างแรกเลยก็คือสุขภาพร่างกายของเขาที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นมานาน ความมั่นใจในตัวเองก็กลับมา เขาเริ่มเห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง กลายเป็นคนที่มีสุขภาพจิตที่ดี
การเปลี่ยนแปลงตัวเองของชายคนนี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดไปยังนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ด้วยการเดินทางไปเป็นวิทยากรผู้สร้างแรงบันดาลใจ
จากการรายงานล่าสุด (15 กันยายน 2019) ปัจจุบัน George ก็ได้พบรักกับ Heather หญิงสาววัย 27 ปี และเขาก็ยังได้สร้างเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเองอีกด้วย
“ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมต้องการใบประกาศเพื่อการเป็นเทรนเนอร์มืออาชีพ เพราะผมต้องการที่จะช่วยคนอื่นๆ ที่เคยเป็นเหมือนกันกับผมเมื่อก่อน ผมหวังว่าเรื่องราวของผมจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเขาได้”
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น