ว่าด้วยเรื่องของ ‘การช่วยตัวเอง’ ไม่ว่าจะเป็นการสาวหรรมส์ของผู้ชาย หรือการใช้นิ้วของผู้หญิง ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ เพื่อตอบสนองอารมณ์ทางเพศรูปแบบหนึ่ง
แต่ในขณะที่เราทำกันเป็นเรื่องปกติ มันอาจนำไปสู่อาการ “เสพติด” ได้โดยไม่รู้ตัว!!
พูดถึง “การช่วยตัวเอง” กันก่อน…
อย่างที่หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า การช่วยตัวเองถือว่าเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศที่ค่อนข้างดีวิธีหนึ่งเลย เพราะมันทั้งสะดวก แถมยังทำเองได้โดยไม่ต้องมีใครมาช่วย (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ประมาณนั้น)
นอกจากนั้นมันยังส่งผลดีต่อสุขภาพเราหลายๆ ด้าน ทั้งช่วยลดความเครียด ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม นำไปสู่ความรู้สึกผ่อนคลายที่ราวกับให้เราได้ลืมช่วงเวลาอันเลวร้ายในชีวิตไปได้อย่างรวดเร็ว
มีคู่ครองแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกช่วยตัวเองเสมอไปหรอกนะ
แต่เพราะอย่างนั้น เราจึงอาจเสพติดมันไปโดยไม่รู้ตัว…
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในรูปแบบใด แต่ถ้าหากเรายึดติดหรือทำมันมากจนเกินไป ก็อาจนำไปสู่อาการที่เรียกกันว่า “การเสพติด” ได้ และนั่นก็รวมไปถึงเรื่องของการช่วยตัวเองด้วย
บอกก่อนว่า การเสพติดการช่วยตัวเองไม่ได้ถูกบัญญัติอย่างเป็นทางการในศาสตร์ทางการแพทย์ (อ้างอิงจาก สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน หรือ APA) แต่มักถูกรวมอยู่ในหมวด OCSB ซึ่งก็คือ “พฤติกรรมทางเพศที่ไม่สามารถควบคุมได้”
และด้วยความที่มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าใครก็ทำกัน แถมยังสามารถทำได้ในทุกๆ วันด้วยแล้ว มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราอาจเสพติดสิ่งนี้ไปได้โดยที่ไม่เคยสังเกตหรือรู้สึกกันมาก่อน
*เสพติดการช่วยตัวเอง กับ เสพติดหนังผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นคนละอันกันนะ*
(เพราะการเสพติดหนังผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องช่วยตัวเองเสมอไป และการช่วยตัวเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดูหนังผู้ใหญ่ร่วมด้วยตลอดเหมือนกัน)
ถ้าเสพติดแล้วจะส่งผลอย่างไรบ้าง…
แม้ว่าการช่วยตัวเองจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเราในหลายๆ ด้าน แต่หากถึงขั้นว่าเสพติดเมื่อไหร่ก็ย่อมมีผลเสียตามมาได้เหมือนกัน
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเพศศึกษาจำนวนมากระบุว่า การเสพติดการช่วยตัวเองสามารถส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของเรากับคนรัก ทั้งเรื่องของความสุขในชีวิตคู่ รวมไปถึงเรื่องบนเตียง จนอาจนำไปสู่ปัญหาทางด้านสุขภาพจิต
หากปล่อยไว้นานๆ ก็อาจทำให้ความพึงพอใจทางเพศและการเห็นคุณค่าในตัวเองลดลงไปได้ด้วย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเสพติดการช่วยตัวเองหรือเปล่า?
ผู้เชี่ยวชาญได้พูดถึง 9 สัญญาณที่เราสามารถสังเกตตัวเองได้ง่ายๆ มีดังต่อไปนี้…
1. เรารู้สึกว่าใช้เวลาและพลังงานไปกับการช่วยตัวเองอย่างมาก
2. การช่วยตัวเองเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัว ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน
3. เราเลือกที่จะยกเลิกนัด ไม่ออกไปพบปะกับผู้อื่น หรือเลือกที่จะกลับบ้านให้เร็วขึ้น เพราะอยากจะช่วยตัวเอง
4. เราช่วยตัวเองตามที่สาธารณะ หรือที่ที่ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่ (รวมไปถึงแม้ว่าจะเป็นที่ลับตาคนอย่างตามห้องน้ำสาธารณะก็ด้วย) เพียงเพราะเรารอที่จะกลับไปทำที่บ้านไม่ไหว
5. เราช่วยตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกกำหนัดเลยก็ตาม
6. เวลาที่รู้สึกไม่ดี (เช่น โกรธ, วิตกกังวล, เครียด หรือเศร้า) เราจะช่วยตัวเองเพื่อทำให้รู้สึกดีขึ้น
7. รู้สึกผิด, ไม่สบายใจ หรือรู้สึกแย่หลังจากที่ช่วยตัวเอง
8. เราช่วยตัวเอง แม้ในตอนที่เราไม่ได้อยากจะทำมันเลยก็ตาม
9. เรารู้สึกว่าการพยายามที่จะไม่คิดถึงการช่วยตัวเองนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก
หากเพื่อนๆ มีอาการดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หรือว่าใกล้เคียงกับในหลายๆ ข้อแล้วล่ะก็ นั่นอาจหมายความว่าเรากำลังเริ่มเข้าสู่อาการเสพติดการช่วยตัวเองแล้วก็ได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีทางยับยั้งการเสพติดมั้ย?
จากผลสำรวจพบว่า คนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มรู้สึกว่าเสพติดการช่วยตัวเอง จะสามารถยับยั้งอาการดังกล่าวได้ด้วยการพยายามออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ นอกบ้าน หรือใช้เวลาอยู่กับคนข้างกายให้มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บางคนที่ไม่สามารถยับยั้งมันด้วยตัวเองได้ อีกทางออกหนึ่งก็คือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเพศศึกษา หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านชีวิตคู่
โดยแนวทางการรักษาส่วนใหญ่ก็จะมีทั้ง การบำบัด, หรือการรับคำปรึกษาแบบกลุ่ม
นอกจากนั้นแล้ว บางทีการเสพติดการช่วยตัวเองก็อาจเป็นผลมาจากอาการทางจิตอื่นๆ เช่น โรคเครียด, โรควิตกกังวล หรือไบโพลาร์ ซึ่งหากเป็นในส่วนนี้ก็อาจสามารถใช้ยารักษาของโรคนั้นๆ ควบคู่ไปได้ด้วย
#เหมียวตะปู หวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับสาระประโยชน์จากเรื่องนี้
และอย่าลืมสังเกตตัวเองกันด้วยนะฮะ
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ข้อมูลจาก: APA PsycNet , Healthline
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น