กลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบกันไปแล้ว เมื่อในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ประเทศมอริเชียสซึ่งตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย
ได้ออกมาประกาศสภาวะฉุกเฉินในประเทศ หลังจากที่เกิดเหตุน้ำมันกว่า 1,000 ตันรั่วไหลลงสู่ท้องทะเลของประเทศ สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับสภาพแวดล้อมของประเทศเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งสำคัญ สรุปไทม์ไลน์ได้ดังนี้…
– เหตุการณ์ในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
– เรือสินค้าญี่ปุ่นชื่อ MV Wakashio ได้เกิดอุบัติเหตุแล่นไปเกยตื้นที่ชายหาดที่ไม่มีคนอาศัย ของมอริเชียสในขณะมุ่งหน้าไปประเทศบราซิล
– เหตุการณ์ในครั้งนี้ ในเบื้องต้นไม่มีความเสียหายลูกเรือเสียชีวิต
– แต่โชคร้ายที่ในช่วง 1 สัปดาห์หลังจากนั้น บนเกาะได้เกิดเหตุสภาพอากาศไม่ดี ซึ่งทำให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ที่กราบขวาของเรือ และส่งผลให้น้ำมันบนเรือ รั่วออกมา
.
– ความรุนแรงของเหตุการณ์ถูกรายงานว่า ในปัจจุบันมีประมาณ 1,000 ตัน ตันรั่วออกมาสู่ทะเลแล้ว ในขณะที่ยังมีน้ำมันอีกราวๆ 2,500-3,000 ตัน ตกค้างบนตัวเรือ
– ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่โดย บริษัท MAXAR เปิดเผยว่าน้ำมันที่รั่วออกมานั้น ลากเป็นทางยาวจนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ เป็นอันตรายต่อทั้งแนวปะการัง และสิ่งมีชีวิตในวงกว้าง
– เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้นาย Pravind Jugnauth นายกนายกรัฐมนตรีของมอริเชียสต้องออกมาประกาศภาวะฉุกเฉิน และขอความช่วยเหลือไปยังนานาชาติ
– ในเบื้องต้นทาง Mitsui OSK Lines เจ้าของเรือ ได้ออกมาขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพวกเขาได้พยายามวางทุ่นดักน้ำมันรอบเรือ และว่าจ้างทีมงานที่เชี่ยวชาญในการกำจัดน้ำมันเข้าไปยังพื้นที่
– ในปัจจุบัน รัฐบาลได้รายงานว่าการรั่วไหลของน้ำมันได้หยุดลงแล้ว อย่างไรก็ตามตัวเรือยังมีความเสี่ยงที่จะหักเสียหายเพิ่มเติม ดังนั้น พวกเขาจึงยังคงต้องแข่งกับเวลาเร่งดูดน้ำมันที่เหลือออกจากตัวเรืออยู่
.
นี่นับว่าเป็นการประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของมอริเชียสเลยก็ว่าได้ เพราะประเทศเกาะเล็กๆ เช่นนี้ มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยวทางทะเล
ดังนั้นเหตุการณ์น้ำมันรั่วในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่จะส่งผลร้ายต่อระบบนิเวศเท่านั้น แต่มันยังอาจจะส่งผลกระทบโดยตรง ต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศได้ทั้งประเทศได้เลย หากแก้ไขไม่ทัน
ที่มา iflscience, bbc, offshore-technology , WorldForumTh และ euronews
Advertisement