CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

แม่ชาวบราซิลรัดคอลูกชายวัย 11 ปีจนเสียชีวิต จากเหตุที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์ดึกดื่นทุกคืน

อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งกรณีของผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกเป็นไปตามที่ใจตนเองต้องการ แต่เมื่อไม่เป็นไปตามเช่นนั้นก็ลงเอยด้วยการลงมือคร่าชีวิตของลูกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนาง Alexandra Dougokenski คุณแม่ชาวบราซิลที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมลูกชายวัย 11 ปีในวันที่ 2 กรกฎาคม 2020 หลังจากที่เธอยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือเอง

 

การเสียชีวิตของเด็กชาย Rafael เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้อัดคลิปอ่านบทกวีที่กล่าวถึงความรักที่เขามีแต่ผู้เป็นแม่เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

เด็กชาย Rafael กล่าวขอบคุณแม่ที่คอยเลี้ยงดูเขาและน้องชาย และกล่าวว่ารอยยิ้มของแม่คือทุกสิ่งในชีวิตของเขา

 

 

คุณแม่วัย 33 ปีที่หย่าร้างมาพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ตัวเธอ โดยกล่าวว่าเด็กชายหนีออกจากบ้านไปหลังจากที่เกิดเหตุทะเลาะกันรุนแรงเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา อันเกิดมาจากการเล่นโทรศัพท์จนดึกดื่นทุกคืนในช่วงล็อกดาวน์จาก COVID-19

ทีมเจ้าหน้าที่สอบสวนจึงเริ่มทำการค้นหาเบาะแสเพิ่มเติม ด้วยการใช้สุนัขดมกลิ่นร่วมกับครอบครัวและเพื่อนพ้องในการออกตามหาเด็กชายในป่าที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านของเด็กชาย

เมื่อการค้นหาเด็กชายประสบกับความล้มเหลวเป็นเวลานานนับเดือน ผู้เป็นแม่จึงยอมรับสารภาพออกมาเองว่าเธอได้ทำการบีบรัดคอลูกชายด้วยเสื้อผ้าพร้อมกับความโมโหร้าย

เธอกล่าวว่าไม่อาจใช้ชีวิตอยู่กับคำโกหกได้อีกต่อไป และต้องการที่จะปลดปล่อยภาระที่เธอแบกรับเอาไว้

 

 

“เธอระบุว่าหลังจากต่อว่าลูกชายจากการไม่ยอมนอนหลายคืนมัวแต่เล่นโทรศัพท์ กลายมาเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเธอ และตัดสินใจยาไดอะซีแพม 2 เม็ดในช่วงเที่ยงคืนเพื่อให้ลูกชายนอนหลับ”

จากคำให้การดังกล่าวแม้ผู้เป็นแม่จะให้ยาเพื่อกล่อมลูกชายให้นอนหลับแล้ว แต่เมื่อแม่ตื่นขึ้นมาช่วงเวลาประมาณตีสองลูกชายก็ยังคงนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิมจนนำมาสู่เหตุสลดดังกล่าว

 

 

10 วันหลังจากที่เด็กชาย Rafael หายตัวไป เธอเปิดเผยถึงร่างของลูกชายที่ถูกซ่อนเอาไว้ และพบร่างของเด็กชายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 อยู่ภายในกล่องลังขนาดใหญ่ภายในโรงรถของเพื่อนบ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านของเธอไปเพียง 5 เมตร จากผลการชันสูตรชี้ชัดว่ามีร่องรอยของการถูกรัดคอและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

 

ที่มา: 7news, dailymail


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น