กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์อันน่าสลด หลังจากที่ Bob Nill ชายชราวัย 88 ปีจำต้องจากโลกนี้ไปในเหตุการณ์รถชน หลังจากที่เขาสามารถปกป้องเด็ก 2 คนเอาไว้ได้สำเร็จ
Bob ฮีโร่ผู้ยอมสละชีวิตตัวเอง เพื่อช่วยเด็กทั้งสองคน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2020 ขณะที่ Bob กำลังทำหน้าที่คอยหยุดรถตรงทางม้าลายบริเวณหน้าโรงเรียน Christ the King Catholic School เมืองแคนซัสซิตี รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา
ระหว่างที่เขาทำหน้าที่หยุดรถอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็เห็นว่ามีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว พยายามจะฝ่าสัญญาณไฟ และดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นป้ายคำว่าหยุดที่เขาถืออยู่ในมือเลย
และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ รถคันดังกล่าวกำลังจะพุ่งชนเด็กประถม 2 คนที่เพิ่งก้าวออกมาจากฟุตบาทด้วย!!
เมื่อ Bob ที่ยืนอยู่กลางถนนหันไปเห็นอย่างนั้น เขาก็รีบตะโกนให้เด็กทั้งสองถอยกลับไป แต่เมื่อเห็นว่ามันจะไม่ทันการ ชายชราจึงตัดสินใจรีบไปผลักเด็กทั้งสองคนให้ถอยกลับไป จนรถคันดังกล่าวได้พุ่งชนเขาแทน
ทั้ง Bob และหญิงสาวที่เป็นคนขับรถนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ก่อนที่ในเวลาต่อมาไม่นาน เจ้าหน้าที่จะออกมาแถลงว่าชายชราได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว…
สิ่งนั้นได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะชาวเมืองทุกคนต่างรู้ดีว่าสิ่งที่ชายวัย 88 ปีคนนี้ทำ มันคือการเสียสละตัวเองเพื่อช่วยอีก 2 ชีวิตเอาไว้ ทุกคนต่างมองว่าเขาคือ “ฮีโร่ที่แท้จริง”
Cathy Fithian ครูใหญ่ของโรงเรียนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า Bob เริ่มทำงานอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ปี 2015 แม้ว่าเขาอายุมากพอให้เกษียณอยู่บ้านได้แล้ว แต่เขายังต้องการที่จะให้เด็กๆ ทุกคนเดินทางมาถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัย
ทางโรงเรียนยังได้กล่าวสรรเสริญถึงความเสียสละของชายคนนี้ และบอกกับผู้ปกครองทุกคนให้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาทำ
มีคนนำดอกไม้มาผูกกับป้ายบริเวณทางม้าลายที่ Bob เคยทำหน้าที่อยู่เป็นประจำ
เด็กทั้งสองคนที่รอดชีวิตไปได้ พวกเขาก็ต่างรู้สึกเสียใจและขอบคุณ Bob มากที่ปกป้องพวกเขาเอาไว้ แม้จะไม่ได้เอ่ยต่อหน้า แต่พวกเขาก็หวังว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะส่งผ่านไปถึงชายชราได้
David Alvey นายกเทศมนตรีของเมืองแคนซัสซิตี ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจ พร้อมกับกล่าวขอบคุณ Bob ว่า…
“ในนามของชาวเมืองทุกคน ผมขอแสดงความขอบคุณการเสียสละ การแสดงออกถึงความไม่เห็นแก่ตัว เพื่อปกป้องเด็กๆ ของพวกเรา Bob คือฮีโร่ที่จะยังคงอยู่ในใจเราทุกคนเสมอ”
สำหรับคนขับรถผู้หญิงนั้นก็ยังคงไม่มีการรายงานออกมาว่าอาการของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และในส่วนของคดีความก็ยังคงอยู่ในการสอบสวนต่อไป
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: Fox4 , WashingtonPost , Unilad , LadBible , CBS
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น