การที่ทหารในสนามรบจะสละเครื่องบินของตัวเอง และสามารถออกไปจัดการเครื่องบินของศัตรูระหว่างที่ตัวเองลอยอยู่กลางอากาศได้ สำหรับหลายๆ คนแล้วคงจะเป็นสิ่งที่พบได้ในเกมหรือหนังเท่านั้น
แต่เชื่อกันหรือไม่ว่า เจ้าเหตุการณ์ที่ฟังดูเหลือเชื่อสุดๆ นี้ มันเคยเกิดขึ้นจริงๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย!!

โดยบุคคลที่เป็นเจ้าของผลงานสุดเหลือเชื่อนี้ มีนามว่า Owen J. Baggett ทหารทัพอากาศของสหรัฐอเมริกา ผู้มีบ้านเกิดอยู่ในรัฐเท็กซัสอีกที
เช่นเดียวกับทหารส่วนมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องราวในวัยเด็กของ Baggett ถือว่าไม่ค่อยชัดเจนนัก
อย่างไรก็ตามเขาได้เข้าเป็นทหารอากาศในช่วงปี 1941 ก่อนจะถูกส่งไปประจำการที่อินเดีย และได้รับภารกิจไปทิ้งระเบิดที่พม่าในวันที่ 31 มีนาคม ปี ค.ศ. 1943
ระหว่างการเดินทางไปทิ้งระเบิด เครื่องบิน B-24 ที่ Baggett และเพื่อนทหารโดยสารมาได้ถูกโจมตีโดย ฝูงบินของญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้ Baggett และเพื่อนจำเป็นต้องสละเครื่องบิน ที่ความสูงมากกว่า 1.3 กิโลเมตร

พวกเขาสามารถกางร่มชูชีพได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพบว่ามีเครื่องบินบางส่วน ยังคงยิงปืนกลใส่พวกเขาที่ไม่มีทางสู้
ทหาร 5 จาก 9 คนของเครื่องบินที่ตกเสียชีวิตทันที ในขณะที่ Baggett ถูกยิงเข้าที่แขน และต้องแกล้งตายในระหว่างห้อยกับร่มชูชีพเพื่อเอาชีวิตรอด
ในเวลานั้นเองที่เขาเห็นเครื่องบินญี่ปุ่นลำหนึ่งบินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ แบบแทบจะเป็นแนวตั้ง โดยมีการเปิดกระจกเอาไว้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นการบินเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครรอดชีวิต
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ Baggett ตัดสินใจที่จะหยุดแกล้งตาย ก่อนจะหยิบปืนพกของตัวเองยิงใส่นักบินของศัตรู ก่อนที่เครื่องบินดังกล่าวจะบินออกห่างเขาไป

Baggett สามารถรอดชีวิตจนลงถึงพื้นได้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาและเพื่อนที่รอดจากเหตุการณ์นี้มา ก็ต้องโดนจับเป็นเชลยโดยทหารญี่ปุ่นอยู่ดี
ในช่วงเวลานี้เองที่ Baggett เริ่มได้ยินข่าวลือว่าเขายิงนักบินของญี่ปุ่นเสียชีวิตระหว่างอยู่กลางอากาศ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปักใจเชื่อมากนัก
แม้ในตอนที่ถูกเค้นข้อมูล เขาจะเป็นทหารเพียงคนเดียวที่ทหารญี่ปุ่นให้โอกาสทำ “เซ็ปปูกุ” การฆ่าตัวตายเพื่อรักษาเกียรติก็ตาม (ซึ่งในตอนนั้น Baggett ปฏิเสธไป)
ด้วยความที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยเชื่อในผลงานของตัวเองเท่าไหร่ ในเวลานั้น เรื่องราวของ Baggett จึงไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักมากนัก และตัวเขาก็ต้องใช้ชีวิตกว่า 2 ปีอยู่ในสถานกักกันในที่สิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 1996 เรื่องราวของ Baggett ก็ถูกนำมาวิเคราะห์กันอีกครั้งโดย Air Force Magazine
และแม้ว่าทางญี่ปุ่นจะไม่มีบันทึกว่าพวกเขาเสียเครื่องบินไป ในการปฎิบัติการครั้งนี้ก็ตาม
Air Force Magazine ก็พบกับพยานหลักฐานจากสงคราม ที่สนับสนุนว่า Baggett ในวันนั้นน่าจะยิงสังหารคนขับเครื่องบินไปจริงๆ หลายชิ้นไม่ว่าจะเป็น
คำให้การของทหารนายพันที่บอกว่าตนพบคนขับเครื่องบินของศัตรูถูกยิงด้วยกระสุน .45 ซึ่งเป็นกระสุนของปืนพกที่ Baggett ใช้
พยานที่รอดชีวิตจากพื้นที่ซึ่งยืนยันว่ามีเครื่องบินของญี่ปุ่น ดิ่งลงสู่พื้นไม่นานหลังจากเหตุการณ์ของ Baggett ทั้งๆ ที่ไม่มีเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรในพื้นที่
และจากการคำนวนความสูงรวม 1.3 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เราทราบว่า ต่อให้โดนยิง หากคนขับไม่ตายในทันที เขาจะมีเวลาค่อนข้างมากที่จะเอาประคองเครื่องบินไม่ให้ตกอย่างที่พยานเห็น

ดังนั้นแม้ว่า เรื่องราวของเขาจะมีข้อกังขาอยู่บ้างก็ตาม แต่โดยรวมแล้ว Owen J. Baggett ก็มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นชายผู่สามารถยิงเครื่องบินตกได้โดยใช้เพียงปืนพก
และเรื่องราวของเขาก็จะถูกจดจำโดยเหล่าผู้คนที่มีโอกาสได้ยินเรื่องราวของเขาไปอีกนานแสนนานเลย
ที่มา todayifoundout, airforcemag และ warhistoryonline
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น