ดราม่ารายการ ‘ปัญญาปันสุข’ ถามคำถามไม่เหมาะต่อหน้าน้องเจนนี่​ ผู้ป่วยโรคชราในเด็ก


จากการออกอากาศของรายการ ‘ปัญญาปันสุข’ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 EP.99 น้องเจนนี่ ด้วยเนื้อหารายการวาไรตี้ช่วยเหลือสังคม และเป็นพื้นที่ให้กำลังใจทุกคน

โดย EP นี้เป็นเรื่องราวของ ‘น้องเจนนี่’ เด็กหญิงผู้ป่วยโรคชราในเด็ก แม้จะมีอายุเพียง 11 ปี แต่ด้วยโรคทำให้สภาพร่างกายเหมือนกับคนชรา

 

คลิปรายการดังกล่าว

 

เกิดอะไรขึ้นในรายการตอนนี้?

 

ในช่วงแรกเริ่มของรายการ ทางพิธีกรคุณปัญญา นิรันดร์กุล ได้สอบถามเกริ่นกับน้องเจนนี่ว่าเป็นมาอย่างไร ได้ความว่าน้องเจนนี่มีอายุ 11 ปี และน้องเองก็รู้สึกเสียใจที่มักจะถูกถามว่าเป็นคนแก่ เพราะเจอแต่คำว่าแก่มาตั้งแต่เด็กๆ

ซึ่งคุณปัญญาเองก็เน้นว่าจะหลีกเลี่ยงคำนี้ แต่อาจจะต้องใช้บ้างในช่วงที่เล่าเรื่อง

เมื่อถามถึงเรื่องของอายุ มีการถามคุณแม่น้องว่าน้องจะมีอายุไปจนถึงเมื่อไหร่ คุณแม่จึงตอบว่าหมอบอกว่าน้องจะมีอายุถึงประมาณ 14-15 ปี จนถามน้องย้ำอีกว่าอยากจะมีอายุ 14 15 16 หรือไม่ น้องก็ตอบว่า ‘อยากค่ะ’

 

ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าไม่เหมาะไม่ควร

 

จากเนื้อหาข้างต้นในรายการ ปรากฎว่าชาวเน็ตบางส่วนรู้สึกแย่และไม่ชอบ เพราะด้วยความที่ตัวน้องเจนนี่เองจะมีอายุเพียง 14-15 ปี แต่การถามระยะเวลาที่เหลืออยู่ต่อหน้าน้องจึงไม่ค่อยเหมาะ เพราะคงไม่มีใครอยากนับวันตายของตัวเอง

 

นอกเหนือจากถามแล้ว ในรายการก็ให้แม่มายืนคู่กับน้องถูกบีบด้วยคำถาม และให้น้องส่องกระจก

 

เนื้อหาใน EP.99 นี้ก็เริ่มนำไปสู่การวิจารณ์ของผู้ชมรายการบางส่วน ที่มองว่าเนื้อหาควรมีการปรับปรุงและคัดกรองก่อน ไม่นึกถึงจิตใจของเด็กและแม่ เข้าใจว่าต้องการให้ผู้ชมได้รับข้อมูลมากที่สุด แต่วิธีอื่นๆ ก็มี

 

“อยากรู้ค่ะว่าทำไมต้องถามคำถามจี้ใจน้องขนาดนั้น ไม่มีใครอยากจะนับวันตายหรอกนะคะ เอาไปเปรียบเทียบกับคุณแม่อีก เราดูเรายังรู้สึกแย่เลย แล้วน้องที่โดนถามตอกย้ำซ้ำๆจะรู้สึกแย่แค่ไหนคะ ขอให้ปรับปรุงส่วนตรงนี้หน่อยค่ะ”

 

“รายการดีมากครับ แต่ขอตินิดนึง เข้าใจว่าทางรายการเจตนาดี ดีที่สุด แต่เรื่องที่คอยพูดถึงว่าอายุจะสั้น ไม่เกิน 15-16 พูดต่อหน้าเด็ก มันดีหรือครับ

ย้ำอยู่นั่น 15 ตาย 16 ตาย มันทำให้คิดนะครับ อายุแค่ 11 จะเข้าใจ จะทำใจ ได้หรือครับ ขนาดผู้ใหญ่ที่ถูกแพทย์ประเมินแล้วว่าจะอยู่ได้ไม่นาน ยังกลัว ยังคิดมาก แทบเป็นบ้า

นี่เด็กนะครับ ใส่ใจให้มากครับ ผมเข้าใจว่าเจตนาจะให้ผู้ชมได้รับข้อมูลให้มากที่สุด แต่วิธีอื่นมีเยอะแยะครับ เชื่อว่า มันสมองของระดับ workpoint หาทางได้ และขอบคุณที่ทำรายการดีๆ มีประโยชน์ต่อผู้คน ขอบคุณครับ”

 

“ไม่น่าถามคำถามทำร้ายจิตใจน้องเขาเลย จากตอนแรกดีๆอยู่น้องก็ต้องมาร้องไห้ เอาน้องมาออกรายการให้ช่วยเหลือหรือเอาน้องมาขยี้เรียกเรทติ้งอะคะ”

 

“สมควรแล้วหรอคะที่ให้น้องส่งกระจกโชว์เนี่ย คิดอะไรอยู่กันนะ แล้วให้แม่มายืนเปรียบเทียบกับน้องคำพูดเนี่ยคิดกลั่นกรองมาแล้วหรอ

สงสารน้องกับแม่มากๆ เลยนะ ทั้งกระจกให้ส่องทั้งคำพูดเนี่ยตอนพูดได้เห็นน้ำตาน้องบ้างมั้ยว่าน้องร้องไห้ออกมา

อีกอย่างคือการถามว่าระยะเวลาที่น้องจะมีชีวิตอยู่ถึงกี่ปีต่อในข้างหน้า เป็นคำถามที่ไม่น่าถามเลยนะคะ กูเกิ้ลมีก็หาเอาก็ได้มั้ง ไม่มีใครอยากนับเวลาตายของตัวเองหรอกนะ”

 

 

“คุณปัญญาไม่ควรถามคำถามแบบนี้ คิดบ้างไหมว่าน้องเขาจะรู้สึกยังไง คิดถึงความรู้สึกคนมากกว่าเรื่องดราม่าเรียกเรตติ้งบ้างนะครับ”

 

“ระดับรายการทีวี ประเทศไทยมีแค่ ร้องเพลง ปลดหนี้ / แข่งเกมส์ ปลดหนี้ / เวทนา น่าสงสาร ขอเงิน / มาเล่าเรื่อง มาขายของ มาดูดวง

ทุกๆ อย่างที่กล่าวมาคือมี sexual harassment content , shameful, pathetic ขายอยู่แค่นี้ เหมือนดูถูกว่าคนไทย อะไรที่เป็นอาหารสมอง คือขายไม่ได้”

 

และหลังจากที่ชาวเน็ตเริ่มพูดถึงเนื้อหารายการในเครือบริษัท Workpoint ก็เริ่มมีการใช้ #แบนworkpoint เนื่องจากการนำเสนอที่ทำให้รู้สึกแย่ พยายามสร้างดราม่าเพื่อเรทติ้งรายการ

https://twitter.com/maetubtimgrob/status/1326512377634951170

.

.

https://twitter.com/eennpat/status/1326568979138113537

 

อย่างไรก็ดีท่ามกลางกระแสวิจารณ์ของชาวเน็ต ก็ปรากฎว่ามีหนึ่งในทีมงานออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ด้วยมุมมองของทีมงานทำรายการแล้ว ประเด็นดราม่าที่ถูกวิจารณ์ทั้งหมดไม่มีอยู่ในหัวของทีมงาน

 

.

 

ในมุมความรู้สึกของผู้ชมคือเสียงสะท้อนให้พิจารณา แต่มุมของคนทำรายการ ไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นการด่า

.

.

.

 

แล้วคุณล่ะครับ อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว ‘รู้สึก’ อย่างไรกันบ้าง?

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์

Advertisement


Like it? Share with your friends!

0 Comments