CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

หนุ่มสู้สุดชีวิต หลังเผชิญกับปรสิตที่เข้าไปทางอวัยวะเพศ แล้ววางไข่ในร่างกาย

การออกไปเที่ยวถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และบางครั้งเราก็ได้อะไรหลายๆ อย่างกลับมาด้วย แต่คงไม่ใช่ปรสิตที่มาวางไข่ในร่างกายเราแน่ๆ

James Michael วัย 32 ปี หนุ่มจากอังกฤษคนนี้มีความสุขกับการได้ออกไปท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ในปี 2017 แถมได้ของแถมกลับมาด้วย

 

ในวันนั้นเขากับเพื่อนๆ ตัดสินใจที่จะไปเที่ยวที่ทะเลสาบ Lake Malawi ในแอฟริกาใต้ และในตอนนั้นเองที่ได้มีหนอนปรสิตแอบเข้ามาในอวัยวะเพศของเขา

หลังจากนั้นปรสิตก็ได้วางไข่ โจมตีระบบภูมิคุ้มกันและกระดูกสันหลังของเขาจนต้องเข้าโรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน และคุณหมอบอกว่ามีโอกาสฟื้นตัวเพียง 30%

 

 

 

James เล่าว่า “ตอนผมกลับไปดูรูปเก่าๆ ตอนไปแอฟริกา ก็คิดอยู่ว่าปรสิตมันเข้ามาในจู๋ผมตอนไหน มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดเลยว่าจะเจอในการเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ทุกที่ที่ไปนั้นทั้งแปลกและประหลาด

เรื่องราวมันเหมือนกับว่าผมออกจากหาดสวรรค์แล้วตรงไปที่โรงพยาบาลเลย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ การเดินทางทำให้ผมกลับมาคิดถึงเรื่องสุขภาพและการดูแลตัวเอง แบบว่าต้องมาศึกษาความเสี่ยงเมื่อต้องออกไปท่องเที่ยว”

 

 

สิ่งที่เขาต้องเจอคือโรคพยาธิใบไม้ในเลือด เขาต้องต่อสู้กับอาการติดเชื้อ มีปัญหาในการขับถ่ายและย่อยอาหาร มีจุดแดงๆ เกิดขึ้นจากสเตียรอยด์ และยังเดินเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องมือช่วย

แต่หลังจากรักษาอาการอยู่นาน ตอนนี้ร่างกายเขาก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อตุลาปีที่แล้วหลังจากที่เขากลับมาจากการท่องเที่ยว อาการแรกที่เขาพบก็คือขาชาทั้งสองข้าง เขาเลยเดาว่าอาจจะเป็นอาการล้าจากการปั่นจักรยาน ก่อนอาการจะเลวร้ายยิ่งขึ้น

เขาเคยไปโรงพยาบาลมาแล้ว แต่ก็ได้รับแค่ยาฆ่าเชื้อ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

 

 

แต่หลังจากเล่าเหตุการณ์และอาการต่างๆ ให้หมอแผนกประสาทวิทยาฟัง ก็ได้เข้ารับการรักษา โดยต้องรับสเตียรอยด์เป็นเวลา 6 เดือน แต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร

ตอนนั้นเขารู้สึกสิ้นหวังมาก เพราะอาการไม่ดีเลย ไม่เคยเจ็บปวดอะไรแบบนี้มาก่อน ถึงขนาดที่ว่าแฟนของเขาจับตัวเขาไม่ได้เลยเพราะมันเจ็บเกินไป

 

หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านพ้นไป เขาก็ได้แนะนำว่าอย่างไปเที่ยวที่ทะเลสาบ Lake Malawi เลย เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยได้

ที่มา unilad , dailymail


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น