วิจัยพบ นกแก้วเข้าใจเรื่อง “ความน่าจะเป็น” หาหนทางที่ดีที่สุดได้ แม้ไม่มีคำตอบชัดเจน

มันเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ทราบกันมาค่อนข้างนานแล้วว่า “นกแก้ว” นั้น เป็นสัตว์ที่ฉลาด เพราะอย่างเมื่อไม่นานมานี้เอง เราก็ได้ทราบกันว่าพวกมันนั้น ถึงกับจะทำการช่วยเหลือเพื่อนหากทำได้ แม้ไม่มีสิ่งตอบแทนเลย (อ่านข่าวการทดลองนี้ได้ ที่นี่)

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วเราก็อาจจะยังประเมินความสามารถของนกแก้วต่ำเกินไปอยู่ดี นั่นเพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง ภายในงานวิจัยใหม่ของประเทศนิวซีแลนด์ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่า

นกแก้วนั้น แท้จริงแล้วอาจจะเข้าใจเรื่องของ “ความน่าจะเป็น” ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นทักษะทางสมองที่น่าประทับใจเอามากๆ

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความสามารถในจุดนี้ของนกแก้วได้ จากการที่พวกเขาทำการทดสอบนกแก้วพื้นเมืองอย่าง “เคีย” 6 ตัว ภายในการทดสอบที่มีจุดร่วมเดียวกันคือไม่ว่าจะเป็นการทดสอบให้ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน และเจ้านกจะต้องใช้ความน่าจะเป็นในการทำแบบทดสอบต่างๆ เพื่อรางวัล

ตัวอย่างของแบบทดสอบที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็อย่างเช่น นกจะได้รับคำสั่งให้เอาแผ่นไม้สีดำกับสีส้มไปใส่ในหลอดที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามแทนที่ในหมดจะมีแผ่นไม้สีใดสีหนึ่งใส่ไว้เพื่อบอกนกแก้วว่าหลอดไหนควรจะใส่แผ่นไม้สีอะไร ในหลอดกลับมีแผ่นไม้อยู่ทั้งสองสี เพียงแต่บางสีจะมีอยู่มากกว่าอีกสีก็เท่านั้น

พวกเขาพบว่านอกจากนกแก้วจะไม่ได้นำแผ่นไม้ใส่ลงไปในหลอดแบบมั่วๆ แล้ว มันยังมีการ คำนึงถึงความน่าจะเป็นว่าคำตอบใดน่าจะถูกต้องด้วย โดยสังเกตได้จากการที่มันจะใส่แผ่นไม้ลงไปในหลอดที่มีไม้สีเดี๋ยวกับที่มันคาบอยู่มากกว่าเป็นหลัก

เท่านั้นยังไม่พอแม้ว่านักวิจัยจะทดลองเลือกหลอดที่มีไม้สีดำเป็นหลอดที่ “ถูกต้อง” ทั้งๆ ที่นกแก้วคาบไม้สีส้มก็ตาม หากพวกมันเห็นการกระทำนี้ซ้ำๆ นกทั้ง 6 ตัวก็จะตัดสินใจเลือกหลอดตามนักวิจัยทันทีด้วย ซึ่งทำให้เห็นว่าพวกมันมีความสามารถในการปรับตัว “ความน่าจะเป็น” ในระดับที่แทบจะไม่ต่างกับมนุษย์เลย

ตัวอย่างสารพัด “ตัวหลอก” ในการทดลองที่เจ้านกแก้วต้องผ่าน

นี่นับว่าเป็นงานวิจัยที่น่าสนใจมากอีกชิ้นของนกแก้วเลยก็ว่าได้ และในปัจจุบันนักวิจัยก็กำลังตั้งข้อสงสัยเลยว่า ความสามารถในการเรียนรู้ความน่าจะเป็นเช่นนี้จะเกิดขึ้นในนกแก้วสายพันธุ์อื่นๆ หรือไม่

และแม้ว่าตัวงานวิจัยนี้ จะยังมีคนออกมาถกเถียงว่า สิ่งที่นกทำนั้นไม่ได้แสดงถึงความเข้าใจในความน่าจะเป็นจริงๆ อยู่บ้างก็ตาม แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกระทำของพวกมันนั้น จะต้องมีระดับมันสมองมากในระดับหนึ่งเลยอยู่ดี

ที่มา gizmodo และ nature