CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

“ปีศาจสั่งให้ผมทำ” คำสารภาพจากบาทหลวงขโมยรถ หาเงินใช้หนี้ที่นำมาซ่อมโบสถ์

เรื่องของเงินทองนี่เป็นอะไรที่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศไนจีเรีย มีข่าวเกี่ยวกับบาทหลวงคนหนึ่ง ที่ขโมยรถหนีหายไปจากโชว์รูมแบบงงๆ แล้วเอาไปขายต่อซะอย่างงั้น ห๊ะ!?

สื่อนอกรายงานว่า Jeremiah Ehindero บาทหลวงวัย 41 ปีแห่งโบสถ์ Jesus Miracle รัฐโอกัน เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไปเยี่ยมชมโชว์รูมรถค่ายโตโยต้า ด้วยความต้องการจะซื้อรถ Toyota Highlander SUV มาใช้กับงานของโบสถ์

 

ผู้ที่โดนตำรวจจับตัวไว้ทั้งหมด

 

บาทหลวงตกลงราคารถกับทางโชว์รูมได้ที่ 1.2 ล้านไนรา (ราวๆ 100,000 บาท) แต่ว่าขอทดลองขับก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าทางโชว์รูมไม่ได้เอะใจอะไร เพราะก่อนซื้อรถลูกค้ามักจะขอลองขับทั้งนั้น

แต่บาทหลวงขับรถออกไป แล้วหายลับไม่กลับมาอีกเลย…

หลังจากครบ 24 ชั่วโมงที่รถจากไปแล้วทางตัวแทนจำหน่ายก็ตัดสินใจแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพวกเขาก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี สามารถจับกุมตัวบาทหลวงคนนี้ได้ที่เมืองลากอส พร้อมกับพรรคพวกอีก 2 คน

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำถึงสาเหตุของการกระทำในครั้งนี้ ทางบาทหลวงก็ยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นเพราะปีศาจที่อยู่ในตัวสั่งให้เขาทำ รวมทั้งยังผิดหวังที่ไม่ค่อยมีผู้บริจาคเงินให้กับทางโบสถ์มากนัก

 

“ผมตัดสินใจขโมยรถคันนี้แล้วเอาไปขายต่อในราคา 650,000 ไนรา (ราวๆ 55,000 บาท) เพื่อหาเงินไปใช้หนี้ที่หยิบยืมมาจากธนาคารไมโครไฟแนนซ์ (สถาบันการเงินชุมชนรายย่อย)

ผมกู้ยืมเงินมาจากที่นั่นเพื่อนำมาทะนุบำรุงโบสถ์ ในตอนแรกผมก็คิดว่าน่าจะหาเงินไปคืนได้ แต่หลังจากผ่านไป 3 เดือนก็ไม่มีเงินไปคืนเขา 

ด้วยความกดดันที่เข้ามาทำให้ผมไม่สามารถรับมือกับมันได้ ปีศาจก็เลยบอกผมให้ขโมยรถจากตัวแทนจำหน่ายซะ แล้วขายเอาเงินไปใช้หนี้ ผมสำนึกผิดกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปนะ”

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

ทั้งนี้นอกจากบาทหลวงกับพรรคพวกแล้ว คนที่โดนจับเพิ่มเติมก็คือนาย Lateef Oyetunde ซึ่งเป็นคนที่ซื้อรถต่อจากบาทหลวงด้วย ทว่าเขาก็ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่รู้ว่านี่คือรถที่ถูกขโมยมา

“ถ้าผมรู้ว่าบาทหลวงขโมยรถคันนี้มานะ ผมไม่ซื้อมันอย่างเด็ดขาดเลย” นาย Lateef กล่าวทิ้งท้าย…

 

เรียบเรียงโดย: #เหมียวจิวยี่ 

ที่มา: odditycentral, dailypost, legit


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น