นี่คือเรื่องราวของ ‘ฟ้าแล่บ’ ม้าชื่อไทยที่ดันไปโด่งดังอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียจนกลายเป็น ‘ตำนาน’
เจ้าฟ้าแล่บ (Phar Lap) เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1926 เสียใชีวิตวันที่ 5 เมษายน 1932
เป็นม้าแข่งยอดฝีมือที่ถูกเลี้ยงดูและฝึกโดยนาย Harry Telford ชาวออสเตรเลีย
ตลอดชีวิตการแข่งขันของมันคว้าชัยชนะมามากมายกว่า 37 รายการ จากการลงแข่ง 51 รายการ ทำให้ชื่อเสียงของมันโด่งดังไปทั่วโลก
โดยเฉพาะชาวออสเตรเลีย ที่ช่วงนั้นเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของชาวออสเตรเลีย ชัยชนะของเจ้าฟ้าแล่บ จึงถือเป็นหนึ่งในความสุขที่หาได้ยากยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ชีวิตของมันช่างสั้นนัก ตอนที่อายุได้ 6 ปี เจ้าฟ้าแล่บก็ป่วยเป็นโรคประหลาดและเสียชีวิตที่เมือง Atherton รัฐแคลิฟอร์เนีย
ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิตมันสร้างสถิติเป็นม้าแข่งที่กวาดแชมป์ไปมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก!!
โดยสถิติทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นแค่ในระยะเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น (เชื่อว่าหากมันมีอายุที่ยืนยาวกว่านี้จะสร้างสถิติไว้อีกมากมายเลยทีเดียว)
บางส่วนก็เล่าว่าเพราะความเก่งกาจของมันไม่เป็นที่ถูกใจของเหล่าเซียนพนัน จึงทำให้มันถูกวางยาจนเสียชีวิต
เดิมทีแล้วมีตำนานที่บอกเล่าถึงที่มาที่ไปของชื่อ ‘ฟ้าแล่บ’ ถึง 2 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกก็คือเขาเล่ากันว่าเจ้าของของเจ้าฟ้าแล่บนั้นมาเที่ยวที่เมืองไทย แล้วบังเอิญเกิดเหตุการณ์ฟ้าแล่บขึ้นจึงสงสัย
และถามกับคนไทยว่าไอ้ปรากฎการณ์แบบนี้ที่เมืองไทยเค้าเรียกว่าอะไร? พอบอกว่า ‘ฟ้าแล่บ’ ก็ชอบใจ เลยเอากลับมาตั้งชื่อให้กับม้าแข่งตัวหนึ่งจนมันกลายมาเป็นตำนาน
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่ามีเจ้านายฝ่ายไทยไปเที่ยวที่ออสเตรเลีย ไปเห็นม้าตัวนี้วิ่งเร็วมาก เลยบอกว่า “ม้าตัวนี้วิ่งเร็วเหมือนฟ้าแล่บเลย” เจ้าของม้าชอบมากก็เลยเอาไปตั้งชื่อตาม
ด้วยเกียรติประวัติที่เจ้าฟ้าแล่บสร้างมาส่งผลให้ชื่อของ ‘ฟ้าแล่บ’ เป็นตำนานที่ถูกเล่าขานกันอย่างแพร่หลายในประเทศออสเตรเลีย
มีการนำเรื่องราวของมันไปสร้างเป็นหนังชื่อเรื่องว่า A Horse Called Phar Lap กำกับโดย Simon Wincer เมื่อปี 1983
และผิวหนังของมันไปทำเป็นสัตว์สต๊าฟเสมือนจริงไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น ส่วนหัวใจของมันก็ถูกเก็บเอาไว้โชว์ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติออสเตรเลีย
.
แถมยังมีเกมแข่งม้าที่ชื่อว่า ‘ฟ้าแล่บ’ ลงขายใน Nintendo Switch ด้วยนะเออ!!
แหม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เยี่ยมยอดจริงๆ คิดว่าถ้าเกิดมันมีชีวิตยืนยาวกว่านี้สักหน่อย ก็คงได้สร้างสถิติโลกไปแล้วล่ะนะ เสียดายจริงๆ
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ที่มา : phar_lap, nma.gov.au
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น