คุก คือสถานที่สำหรับคุมขังเหล่าผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ เป็นสถานที่ที่คงไม่มีใครอยากจะเข้าไป ดูมืดมิด มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงน้อยนิดที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ เข้าไป
แต่สำหรับเรือนจำหลายๆ แห่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มันอาจดูไม่เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว เมื่อห้องขังของพวกเขากลับดูสดใสมากกว่าเดิม หลังจากที่มันถูกเปลี่ยนให้เป็น ‘สีชมพู’
คุกสีชมพูที่ได้รับความนิยมในเรือนจำหลายๆ แห่งของสวิตเซอร์แลนด์
จุดเริ่มต้นของคุกสีชมพู
แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายของยุค 1970 นักวิจัยชาวอเมริกัน Alexander Schauss จากสถาบันวิจัยทางชีวสังคม เขาต้องการทดสอบพลังของสีที่ส่งผลต่อพฤติกรรมมนุษย์
*มีงานวิจัยจำนวนมากที่อธิบายว่าสีมีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่นสีแดงทำให้รู้สึกอยากอาหาร และสีน้ำเงินทำให้รู้สึกเบื่ออาหาร เป็นต้น*
เพราะอย่างนั้น Alexander จึงเริ่มการทดลองจากความเชื่อนั้น ซึ่งเขาก็ได้เกิดความคิดที่ว่า…
“สีชมพูสามารถลดพฤติกรรมก้าวร้าวของคนได้”
การทดลองในครั้งนั้น เขาให้กลุ่มตัวอย่างเพศชายมองไปที่โปสเตอร์สีชมพู ในขณะที่กางแขนอยู่ ก่อนพบว่าแขนของพวกเขานั้นจะรู้สึกอ่อนแรง แขนตกลงมาอยู่ข้างลำตัวอย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกัน เมื่อให้กลุ่มทดลองกลุ่มเดิมยืนกางแขนจ้องไปที่โปสเตอร์สีน้ำเงิน ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีกำลังที่จะยกแขนค้างไว้ได้ในเวลานานๆ
มันกลายเป็นสีที่ได้รับความนิยม
แนวคิดดังกล่าวถูกนำไปใช้จริงโดยฝีมือของทหารเรือชาวอเมริกัน Gene Baker และ Ron Miller เมื่อทั้งสองคนลองนำสีชมพูเฉดเดียวกันนั้นไปทาในห้องคุมขังของกองทัพ แล้วพบว่านักโทษมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างมาก
สีชมพูดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า Baker-Miller Pink ซึ่งมาจากชื่อของทหารเรือทั้ง 2 คน และเริ่มถูกนำไปใช้ในเรือนจำหลายต่อหลายแห่งในช่วงยุค 1980
ความขัดแย้งในผลงานวิจัย
ทางด้าน Alexander นั้น เขาก็ได้ทำการทดลองเพิ่มเติมเพื่อดูว่าสีอื่นๆ จะส่งผลต่อพฤติกรรมของนักโทษอย่างไรบ้าง
แต่เมื่อทำการวิจัยมากยิ่งขึ้น เขาถึงได้เริ่มเห็นว่าสีชมพูดังกล่าวนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ถูกคุมขังใจเย็นลง ทว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
30 ปีต่อมา การทดลองของ Alexander ก็ได้ถูกนำกลับมาวิจัยอีกครั้ง โดยนักจิตวิทยาชาวเยอรมัน Oliver Genschow
Oliver นำสี Baker-Miller Pink มาทดสอบกับกลุ่มนักโทษดูบ้าง และผลที่ได้ก็คือสีดังกล่าวนั้นไม่ได้ทำให้เหล่านักโทษใจเย็นลงเลย…
Oliver Genschow นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน
แต่ก็ยังมีคนที่เชื่อว่ามันช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ก็ถูกมองว่ามันอาจเป็นเพราะเฉดสีที่ดูสว่าง หรือสี Baker-Miller Pink นั้นอาจเป็นสีชมพูที่ร้อนแรงจนเกินไป
จากความคิดนั้นจึงทำให้ในปี 2011 Daniela Späth นักจิตวิทยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ เกิดความคิดที่จะทำการทดลองของตัวเองขึ้นมาบ้าง โดยใช้สีชมพูที่มีเฉดสีต่างออกไปจากก่อนหน้านี้
สีชมพูที่เธอใช้นั้นจะมีความอ่อนกว่า ดูนุ่มนวลกว่าสี Baker-Miller Pink และเธอก็ตั้งชื่อให้กับมันว่าเป็นสี Cool Down Pink
Daniela Späth นักจิตวิทยาชาวสวิตเซอร์แลนด์
สีชมพูที่ว่านั้นได้ถูกทาลงไปในเรือนจำ 10 แห่งทั่วประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Daniela ก็ได้ทำการสังเกตพฤติกรรม รวมถึงเก็บข้อมูลนานกว่า 4 ปี
ผลที่ได้คือ เจ้าหน้าที่เรือนจำทั้งหลายต่างบอกว่ามันสามารถลดพฤติกรรมความรุนแรงก้าวร้าวของนักโทษลงไปได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มนักโทษที่อาศัยอยู่ในห้องที่ไม่ได้ทาสีชมพูลงไป
นอกจากนั้น Daniela ยังบอกอีกว่า เจ้าสี Cool Down Pink นี้มีผลต่อการลดความตึงเครียด ทำให้นักโทษรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีคนสับสนเกี่ยวกับสี Baker-Miller Pink และ Cool Down Pink เพราะเฉดของมันใกล้เคียงกันมาก เหมือนภาพนี้ที่ถูกเรียกแตกต่างกันไปในหลายๆ สื่อ
ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้สีชมพูดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเรือนจำหลายๆ แห่งของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงในประเทศเยอรมนีเองก็เริ่มนำสีนี้ไปใช้ด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะ Daniela ก็ยังแนะนำอีกว่าในอนาคตควรจะนำสีนี้ไปใช้กับพื้นที่รักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน โรงเรียน หรือตามโรงพยาบาลจิตเวช
มันช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวของนักโทษได้จริงหรือ?
แม้การใช้สี Cool Down Pink จะได้รับความนิยมมากขนาดนั้น และดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะยอมรับในแนวคิดที่ว่าสีชมพูช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ แต่ทว่าสิ่งนั้นมันก็ยังเป็นที่ถกเถียงมาจนถึงปัจจุบัน
อดีตนักโทษในสวิตเซอร์แลนด์คนหนึ่ง ผู้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว The Telegraph เขาได้เผยถึงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับการถูกจองจำในห้องขังสีชมพูว่า…
“มันเหมือนถูกขังไว้ในห้องนอนของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และมันก็ทำให้ผมรู้สึกอับอายเอามากๆ”
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะยังมีนักโทษอีกหลายคนที่บอกว่าสีชมพูนั้นมันคือสีของผู้หญิง เป็นตัวแทนของความอ่อนแอ เป็นการสร้างความแบ่งแยก เหมือนเป็นการเหยียดเพศ และสร้างความอัปยศอดสูให้แก่เหล่านักโทษ
เพราะอย่างนั้นเอง การที่นักโทษชายจำนวนมากต้องอดทนใช้ชีวิตอยู่ในห้องแบบนั้น มันจึงเหมือนกับเป็นการสร้างความเครียด ทำให้เขารู้สึกอยากแสดงออกถึงพฤติกรรมก้าวร้าวมากกว่าเดิมนั่นเอง
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: The Telegraph , Psychology Today , Research Gate , Sputnik News , The Conbersation , Oddity Central , Mirror
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น