วิจัยเผย ขยะพลาสติกใน “ตะกอนใต้น้ำ” มีอยู่มากจนอาจทำให้เกิดยุคทางธรณีวิทยาใหม่

เป็นเรื่องที่เราทราบกันว่าในปัจจุบันขยะพลาสติกได้กลายเป็นหนึ่งในปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดในโลกไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะในปัจจุบันขยะพลาสติกได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถพบได้ทุกที่บนโลก ตั้งแต่บนบก ในน้ำ หรือแม้กระทั่งในดิน

ว่าแต่เพื่อนๆ ทราบกันหรือไม่ว่าด้วยปริมาณพลาสติกที่มีอยู่บนโลกในปัจจุบันนั้น อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมาแล้ว มันมีอยู่มากจนสามารถทำให้เกิดยุคทางธรณีวิทยาใหม่ได้เลย

โดยในตัวงานวิจัยทีมนักธรณีวิทยาได้พบกันความจริงอันน่ากลัวที่ว่า ตั้งแต่ในปี 1945 หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ปริมาณของพลาสติกบนโลกได้เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากตัวอย่างแกนตะกอน (Sediment core) จากทะเลซึ่งมีองค์ประกอบของพลาสติกเป็นจำนวนมากตั้งแต่ในปีนั้น

คุณ Jennifer Brandon นักสมุทรศาสตร์จากสถาบันสมุทรศาสตร์ Scripps บอกว่า “รอยเท้าของพลาสติก” เหล่านี้มีอยู่มากและสังเกตได้ชัดมากพอที่จะใช้เป็นตัวกลางทางธรณีวิทยาในการแบ่งแยกยุคสมัยที่อุตสาหกรรมของมนุษย์เริ่มโตขึ้น และส่งผลกระทบกับโลกได้เลย

จริงอยู่ว่าตามปกติแล้วนักธรณีวิทยาจะอาศัย “ไอโซโทปรังสี” ในการแบ่งแยกจุดเริ่มต้นและจุดจบของยุคสมัยต่างๆ แต่ทีมนักวิจัยก็กังวลว่า ด้วยความแตกต่างที่เห็นได้ชัดมากๆ ของแกนตะกอนเหล่านี้ ไม่แน่เหมือนกันว่าคนในอนาคตอาจจะใช้ตะกอนนี้ในการเป็นเครื่องหมายรุ่นใหม่ของจุดเริ่มต้นทางธรณีวิทยาก็เป็นได้

เท่านั้นยังไม่พอการตรวจสอบแกนตะกอนจากทะเลก็ยังสามารถทำให้เราทราบได้อีกว่าตั้งแต่ในช่วงปี 1945-2009 มนุษย์เรามีการทิ้งพลาสติกมากขึ้นถึง 2 เท่าทุกๆ 15 ปีโดยเฉลี่ยเลยด้วย และที่น่าสนใจคือในบรรดาพลาสติกเหล่านี้ กว่า 67.5% เป็นพลาสติกไฟเบอร์ซึ่งใช้กันในเสื้อผ้าไม่ใช่ถุงพลาสติกอย่างที่เราคิด

ดังนั้นคุณ Brandon จึงบอกว่านอกจากการลดหลอดและถุงพลาสติกแล้ว มนุษย์เราก็ควรจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อและเลือกใช้เสื้อผ้าด้วย

ทั้งนี้เองคงต้องมีการชี้แจ้งไว้เล็กน้อยว่าตัวอย่างแกนตะกอนที่ถูกใช้ในการทดลองครั้งนี้ ไม่ได้เป็นตัวแทนที่จะใช้ชี้ชัดถึงสภาพแกนตะกอนในพื้นที่อื่นๆ ของโลกได้ อย่างไรก็ตามดูจากปริมาณขยะพลาสติกในทะเลแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ตะกอนที่อื่นๆ ในโลกก็จะมีปริมาณพลาสติกผสมอยู่มากเช่นกัน

“ฉันหวังว่านี่ไม่ใช่มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราหรอกนะ” คุณ Brandon กล่าวเกี่ยวกับผลการทดลองที่ออกมา

ที่มา gizmodo และ sciencemag