ด้วยสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าเรื่องราวของโรคร้ายที่กลายพันธุ์มาจากในสัตว์นั้น สามารถส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกับสังคมของมนุษย์ได้แค่ไหน
ดังนั้น นี่จึงอาจจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ควรค่าที่จะจับตามองอีกข่าวหนึ่งเลยก็ได้ เพราะเมื่อล่าสุดนี้เองทางสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง CNN ได้มีการออกมารายงานว่า
ในปัจจุบันได้มี “ไวรัสตับอักเสบ E” สายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งปกติจะพบแค่ในหนูเท่านั้น กำลังทำให้ผู้คนในฮ่องกงล้มป่วยอยู่ โดยที่นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะบอกได้เลยว่าไวรัสตัวนี้กระโดดข้ามสายพันธุ์มาสู่มนุษย์ได้อย่างไร
อ้างอิงจากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยออกมา ตัวตนของไวรัสตับอักเสบ E หรือ “Rat HEV” ในมนุษย์นั้น ถูกค้นพบและรายงานเป็นครั้งแรกในปี 2018 โดยตั้งแต่ในเวลานั้น จนถึงปัจจุบันมีประชาชนอย่างน้อยๆ 10 ราย เลยทีเดียว ที่ถูกพบว่าป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ E นี้
ในบรรดาผู้ป่วยที่กล่าวมา คนที่ทางนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กำลังให้ความสำคัญที่สุดอยู่นั้น ก็คงจะไม่พ้นผู้ป่วยไม่ประสงค์ออกนามวัย 61 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2020 และเป็นผู้ป่วยรายล่าสุดที่มีอาการของโรคนี้เป็นแน่
นั่นเพราะเขานั้น มีอาการผิดปกติในตับเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่ในบ้านไม่มีการค้นพบตัวหรือร่องรอยใดๆ ของหนูเลย แถมเจ้าตัวยังไม่ได้ออกจากบ้านไปเที่ยวที่ไหนด้วย ซึ่งทำให้ทางทีมแพทย์ยิ่งสงสัยกว่าเดิมว่าไวรัสตัวนี้ สรุปแล้วมันข้ามมายังคนได้อย่างไร
แน่นอนว่าด้วยความที่ว่าไวรัสตัวนี้มาจากหนู ในตอนแรกนักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสงสัยกันว่าไวรัสตัวนี้ น่าจะติดไปสู่คนได้ผ่านการทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระหนู อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในบ้านผู้ป่วยคนล่าสุดไม่มีร่องรอยสิ่งที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องดังกล่าวเลย ทฤษฎีนี้จึงยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างที่ควรไป
“สิ่งที่เรารู้ในเวลานี้ คือมีหนูในฮ่องกงที่มีเชื้อไวรัสตัวหนึ่ง และเราก็ตรวจพบไวรัสตัวเดียวกันในมนุษย์” คุณ Siddharth Sridhar นักจุลชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าว
“แต่เรื่องวิธีการที่มันกระโดดไปมาระหว่างคนและสัตว์ได้อย่างไร หนูทำให้อาหารของเราปนเปื้อนหรือ มีสัตว์อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเราหรือไม่ มันเป็นสิ่งที่เราไม่อาจบอกได้เลย”
ดังนั้น สิ่งเดียวที่นักวิทยาศาสตร์จะยังพอทำได้เกี่ยวกับโรคนี้ในปัจจุบัน จึงมีเพียงแค่การจับตามอง และเฝ้าศึกษาไวรัสตัวนี้ก่อนอย่างใกล้ชิดเท่านั้น โดยในปัจจุบันพวกเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกตนจะได้รับความร่วมมือจากภาครัฐในการตามหาตัวเลขที่แท้จริงของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ E ต่อไป
ที่มา livescience, cnn
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น