บางครั้งบางทีในแง่มุมหนึ่งของสังคมยังคงมองว่าสื่อการ์ตูนหรือมังงะนั้น เป็นเรื่องของความบันเทิงสำหรับเด็กและอาจจะไม่มีสาระใดๆ หรือมีบ้างแต่น้อย จนไม่ได้รับคุณค่ามากเท่าที่ควร
แต่รู้หรือไม่ว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น ‘มังงะ’ กลายเป็นวัฒนธรรมที่ซึมซับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคน และสามารถสร้างแรงบันดาลใจหลายๆ อย่างให้กับคนทั่วโลกมาแล้ว
ตัวอย่างเรื่องราวของนาย เกียวฮัน มูน วัย 33 ปี เกิดและเติบโตเป็นชาวเกาหลีโดยแท้ แต่ด้วยความที่เป็นแฟนตัวยงของมังงะเรื่อง ‘ไอ้หนูซูชิ’ กลายมาเป็นแรงผลักดันให้เขาเปิดร้านซูชิของตัวเองในกรุงโตเกียว และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ไปการันตีฝีมือ!
สำหรับ ‘ซูชิยะ โชตะ’ ร้านซูชิเปิดใหม่ของเชฟมูนนั้น เพิ่งจะได้รับการประกาศรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว และกลายเป็นข่าวดังในประเทศญี่ปุ่นทันที ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือสตอรี่เบื้องหลังของร้านนี้นี่แหละ
ย้อนกลับไปในช่วงวัยมัธยมต้นนายมูนไม่เคยได้สัมผัสรสชาติของซูชิมาก่อน จนกระทั่งได้อ่านมังงะเรื่อง ‘ไอ้หนูซูชิ’ อันโด่งดัง นั่นก็ทำให้เขาซึมซับวัฒนธรรมการทำซูชิเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งฝึกฝนพัฒนาตนกลายมาเป็นเชฟซูชิได้สำเร็จ
จากการได้พบกับมังงะเรื่องนั้นทำให้เขาเลือกเดินตามเส้นทางเด็กหัดทำซูชิ ตั้งเป้าวาดฝันไว้ว่าจะเป็นเชฟซูชิให้เหมือนกับโชตะให้ได้
เขาตั้งใจเข้าไปเรียนทำอาหารอย่างจริงจังและได้รับโอกาสเข้าฝึกงานในร้านซูชิในกรุงโซล จนกระทั่งอายุได้ประมาณ 24 ปี ก็ตัดสินใจย้ายตัวเองมาตามหาความฝันในประเทศญี่ปุ่นและได้งานในร้านซูชิย่านกินซ่า
เขาใช้เวลาฝึกฝนฝีมือการทำซูชิอยู่ที่นั่นอีก 8 ปี จนเลื่อนระดับชั้นกลายเป็นเชฟได้สำเร็จ เมื่อวิชาแกร่งกล้าแล้วก็ย้ายออกมาเปิดร้านซูชิเป็นของตัวเองในเดือนพฤศจิกายน 2020 ในย่าน Azabu-jūban เขตมินาโนะ กรุงโตเกียว พร้อมกับตั้งชื่อร้านว่า ‘ซูชิยะ โชตะ’ มีที่มาจากชื่อของโชตะ ตัวเอกของเรื่องไอ้หนูซูชินั่นแหละ
แต่ชีวิตการเปิดร้านทำซูชิของเขาก็ไม่ได้ง่ายดายไม่ต่างจากในมังงะเลย เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่พอดี ทำให้เกิดความยากลำบากในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อทำซูชิ ประกอบกับลูกค้าที่ไม่เยอะเหมือนช่วงปกติ…
ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างเขามากแค่ไหน ปัญหาดังกล่าวก็ได้รับการคลี่คลายลงในที่สุด เพราะแรงบันดาลใจอันสำคัญอย่างยิ่งต่อการเป็นเชฟซูชิของนายมูนนั่นก็คืออาจารย์ผู้เขียนมังงะ ไดสึเกะ เทราซาว่า ปรากฎกายออกมาเป็นลูกค้ารายแรกของเขาด้วย!
และหลังจากที่ได้รับดาวมิชลินมาประดับร้าน นายมูนก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งข่าวดีกับอาจารย์ไดสึเกะได้รับทราบ และกล่าวขอบคุณในฐานะอาจารย์คนแรก แม้จะไม่ได้เป็นผู้สอนด้านการทำอาหารก็ตาม
ทั้งนี้ เรื่องราวของนายมูนที่ออกมาเป็นข่าวไปทั่วประเทศญี่ปุ่นก็กลายเป็นแรงผลักดันให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี และการอ่านมังงะหรือการ์ตูนนั้นได้อะไรมากกว่าที่คิดเสียอีก เพราะบางทีมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งคนได้เลย
คลิปข่าวจาก ANNnewsCH
เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์
ที่มา: asahi, news.tv-asahi, news.yahoo.co.jp, soranews24
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น