CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

เจ้าของบริษัท “ลดเงินเดือนตัวเอง” เพื่อให้พนักงานแต่ละคนมีรายได้ 2,200,000 ต่อปี

ชายคนนี้อาจเป็นหัวหน้างานที่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากจะทำงานด้วย เพราะเขาคือชายผู้ยอมลดเงินเดือนของตัวเองเพื่อเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำให้กับพนักงานคนอื่นๆ ?!

Dan Price หนุ่มอเมริกันวัย 36 ปี เขาคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัททางการเงิน Gravity Payments ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่งผลให้ชายคนนี้กลายเป็นเศรษฐีหนุ่ม

 

Dan เจ้าของบริษัท กับความคิดการลดเงินเดือนของตัวเอง

 

จุดเริ่มต้นไอเดียของเขานั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดบริษัทมาได้ราว 1 ปี ตอนนั้นเขาได้ไปปีนเขากับเพื่อนที่ชื่อว่า Valarie

เพื่อนผู้หญิงของเขาเล่าว่าเจ้าของบ้านที่เธออยู่นั้นจะขึ้นค่าเช่าเธออีกเดือนละ 200 ดอลลาร์ฯ (ราว 6,300 บาท) ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก เนื่องจากรายได้ในปัจจุบันนั้นแทบไม่พอใช้แล้ว

ความกังวลของเพื่อนทำให้ Dan ฉุกคิดขึ้นมาว่าขนาดเธอที่ทำงานสองงานรวมสัปดาห์ละ 50 ชั่วโมง รายได้ 40,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปี (ประมาณ 1,261,200 บาท) ยังไม่พอให้เธอมีบ้านดีๆ สักหลังในเมืองซีแอตเทิลได้เลย

 

 

เขากังวลไปถึงขนาดว่าปัจจุบันโลกของเราเต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียม และหนึ่งในสาเหตุของปัญหานั้นก็มาจากคนที่ถูกเรียกว่าเศรษฐี หรือก็คือตัวเขาเองด้วย…

“ผู้คนอดอยากและไม่สามารถทำหลายๆ สิ่งที่อยากทำในชีวิตได้ ขณะเดียวกันบางคนกลับมีคฤหาสน์หลังใหญ่กับเก้าอี้ที่ทำมาจากทองคำ

ความโลภกลายเป็นสิ่งที่ถูกยกย่องในสังคม รายชื่อในนิตยสาร Forbes คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด สมมุติพาดหัวที่ว่า “Bill Gates แซงหน้า Jeff Bezos ขึ้นเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก” แล้วยังไง?”

 

 

เพราะอย่างนั้นเขาจึงต้องการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม โดยเริ่มจากภายในบริษัท Dan ตัดสินใจลดเงินเดือนของตัวเองลง 1,000,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 31,530,000 บาท)

นั่นก็เพื่อที่เขาจะได้นำเงินที่เสียไปมอบให้กับพนักงานทุกคนในบริษัท ทำให้พวกเขามีรายได้อย่างต่ำ 70,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปี (ราว 2,207,100 บาท)

 

 

เขามองว่าการที่ให้พนักงานทุกคนมีรายได้ขั้นต่ำที่สูงมากขนาดนั้น ก็เพื่อให้พวกเขาสามารถตั้งตัว ทำหลายๆ สิ่งในชีวิตได้อย่างที่ต้องการ

และหลังจากที่เขาใช้วิธีการนี้มาได้ประมาณ 4 ปีครึ่ง ผลลัพธ์ที่ดีก็แสดงให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน

ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นสังเกตได้จากรายได้ของบริษัทจาก 3,800 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี (ราว 119,814 ล้านบาท) กลายเป็น 10,200 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี (ราว 321,606 ล้านบาท)

อีกผลลัพธ์หนึ่งที่ทำให้ Dan รู้สึกภูมิใจกับไอเดียของตัวเองก็คือการที่พนักงานของเขาทุกคนมีความพร้อมในการใช้ชีวิตที่ดียิ่งกว่าเดิม ดูได้จากที่พนักงานจำนวนมากเริ่มสร้างครอบครัวและตัดสินใจมีลูกกันมากยิ่งขึ้น

 

 

สำหรับไอเดียการลดเงินของตัวเองไปแบ่งให้กับพนักงานคนอื่นๆ นั้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้พวกเขาได้เงินมากเท่ากับเจ้าของบริษัท แต่ Dan ก็เชื่อว่านี่คือก้าวสำคัญในการพยายามสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในสังคม

อีกทั้งเขายังแนะนำให้หลายๆ บริษัทอาจลองทำตามไอเดียนี้ของเขาดู โดยเชื่อว่ามันจะต้องเป็นผลดีต่อภาพรวมอย่างแน่นอน

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู

ที่มา: BBC , Economy-Chat , Unilad


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น