CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

นักวิทย์ญี่ปุ่นเจ๋ง วิจัยงอกฟันแท้ใหม่ได้สำเร็จ ในการทดลองกับหนูและพังพอน!!

เชื่อว่าสำหรับหลายๆ คนแล้ว การสูญเสียฟันแท้ ก็คงจะถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครอยากจะพบ นั่นเพราะการสูญเสียเช่นนี้ หากโชคไม่ดีก็อาจจะทำให้เราต้องใส่ฟันปลอมไปตลอดชีวิตได้ไม่ยาก

แต่ดูเหมือนว่าเมื่อล่าสุดนี้เอง การใส่ฟันปลอมที่หลายๆ คนกลัวกัน ก็อาจจะกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ได้

 

 

เพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง นักวิทยาศาสตร์จากญี่ปุ่นก็เพิ่งจะออกมาบอกว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการกระตุ้นการงอกฟันใหม่ได้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ในการทดลองกับหนู

อ้างอิงจากงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances ฉบับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2021 ตัวการสำคัญในการงอกฟันแท้ใหม่นี้มีชื่อว่า “USAG-1” ยีนซึ่ง ตามปกติจะเป็นยีนซึ่งช่วยควบคุมปัจจัยการเจริญเติบโต

โดยเมื่อนักวิทยาศาสตร์ลองนำแอนติบอดียับยั้งยีน USAG-1 ไปฉีดให้กับหนู พวกเขาก็พบว่ามันจะสามารถทำให้หนูงอกฟันใหม่ได้

แถมในกรณีที่ พวกเขาเอายีนดังกล่าวไปฉีดให้กับหนูที่ท้องจากกลุ่มหนูซึ่งถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีการขาดหายไปของฟันตั้งแต่กำเนิด ลูกของหนูเหล่านี้ก็จะกลับมามีการงอกของฟันตามปกติด้วย

 

 

จากคำอธิบายทีมนักวิทยาศาสตร์ ดูเหมือนว่าที่เป็นเช่นนี้ จะเป็นเพราะยีน USAG-1 นั้น จะมีความสามารถในการยับยั้งโมเลกุลส่งสัญญาณสองตัวที่เรียกว่า BMP และ Wnt

ซึ่งทั้งคู่นี้มีความเกี่ยวข้องกับพัฒนาการของฟัน ซึ่งรวมไปถึงการงอกของฟันแท้ ดังนั้นในทางทฤษฎีเมื่อยีน USAG-1 ถูกกดไว้ การพัฒนาของฟันจึงสามารถกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง

ปัญหาคือการไปยุ่งกับ Wnt บ่อยครั้งจะนำมาซึ่งผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นที่ผ่านมาเราจึงยังไม่มีการทดลองกด USAG-1 มากนัก

จนกระทั่งเมื่อล่าสุดนี้ที่นักวิทยาศาสตร์พบแอนติบอดีที่ยับยั้งไม่ให้ USAG-1 เข้าไปกด BMP ได้ โดยที่ไม่ส่งผลกับ Wnt นั่นเอง

 

 

นี่นับว่าเป็นการทดลองที่ถือว่าน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะแม้การทดลองสำเร็จในหนูจะไม่ได้หมายความว่าการทดลองนี้จะได้ผลแบบเดียวกันกับคนก็ตาม

แต่อย่างน้อยๆ การทดลองดังกล่าวก็ได้ผลกับตัวพังพอนที่มีระบบฟันแท้ฟันน้ำนมเรียบร้อยแล้ว

 

 

ดังนั้นในปัจจุบันทีมนักวิจัยจึงตั้งเป้าหมายที่จะนำแอนติบอดีตัวนี้ไปทดลองกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ เช่นสุนัข หรือสุกรต่อไปก่อน

โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะสามารถนำมาใช้กับมนุษย์ได้จริงๆ ในอนาคตอันใกล้นี้

 

ที่มา iflscience และ sciencemag


Posted

in

,

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น