ในยามวิกฤตเช่นนี้ผู้คนพยายามจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ล่าสุดที่เวียดนามก็เริ่มมีการติดตั้งเครื่องแจกจ่ายข้าวสารให้กับชาวบ้าน เพื่อคลายความเดือดร้อนในยาม COVID-19 กำลังระบาด
เครื่องดังกล่าวเรียกกันว่าตู้เอทีเอ็มข้าวสาร คิดค้นโดยนาย Tuan Anh ผู้อำนวยการบริษัทระบบล็อคอิเล็กทรอนิกส์ ในนครโฮจิมินห์
นาย Tuan วัย 35 ปี ได้แนวคิดนี้มาจากทราบว่าการที่มีคนมายืนต่อแถวรอรับของบรรเทาทุกข์ต่างๆ จากองค์กรช่วยเหลือนั้นจะทำให้พวกเขาเสี่ยงติดเชื้อได้
การสัมผัสระหว่างตัวบุคคลจะทำให้มาตรการเว้นระยะนั้นล้มเหลว ยิ่งมีคนมาต่อแถวเยอะก็จะเสี่ยงมีการแพร่ระบาดมากขึ้น
ตู้เอทีเอ็มข้าวสารจะประกอบไปด้วยตัวจ่ายข้าวสารอัตโนมัติ กล้อง และปุ่มกดจ่ายข้าวสาร โดยจะผ่านการควบคุมผ่านแอปทั้งหมด
เพียงแค่นำถุงหรือภาชนะบรรจุข้าวสารติดตัวมา ยืนแสดงตัวตนต่อหน้ากล้อง จากนั้นจึงกดปุ่มจ่ายข้าวสารและรอให้ข้าวจำนวน 1.5 กิโลกรัมไหลลงมาจากท่อเป็นอันเสร็จ
จากภาพที่เห็นเผยแพร่โดยสำนักข่าวท้องถิ่น ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างเป็นอย่างดีระหว่างเข้าแถวรอใช้งานตู้เอทีเอ็มข้าวสารนี้
“เครื่องนี้จะช่วยลดความหนาแหน่ของคนครับ และคนที่มาใช้งานจะไม่สัมผัสกับใครเลย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อครับ”
“ผมเพียงแค่อยากมั่นใจว่าทุกคนจะได้รับสัดส่วนข้าวที่เพียงพอต่อวัน และยังมีเหลือพอแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆ ด้วยครับ”
ในการนี้เองนาย Tuan ก็ได้จ้างพนักงานสามคนเพื่อมาดูแลผ่านกล้อง และเพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละคนได้ข้าวสารในปริมาณที่พอดีในแต่ละวัน
เครื่องนี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง สามารถบรรจุข้าวสารได้ 500 กิโลกรัม และจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปเมื่อข้าวใกล้หมด
นาย Tuan ระบุว่าลงทุนไปอีก 10 ล้านดองเวียดนาม (14,000 บาท) เพื่อพัฒนาระบบเพิ่มเติมและจะทำเครื่องจ่ายข้าวสารเพิ่มอีก 100 เครื่องจนกว่าวิกฤตโรคระบาดจะหมดไป
“เวียดนามประสบปัญหาขาดแคลนข้าวช่วงไวรัส COVID-19 ระบาด แต่ผมก็หวังว่าชุมชนชาวเวียดนามจะช่วยเหลือกันเพื่อทำให้โปรเจกต์นี้ลุล่วงได้สำเร็จครับ”
Nguyen Thanh Van หนึ่งในชาวบ้านที่มาใช้งาน กล่าวว่ารู้สึกยอดเยี่ยมกับนวัตกรรมที่นาย Tuan สร้างขึ้นมา หลังจากที่เธอประสบปัญหาจากวิกฤตไวรัสจนไม่สามารถขายลอตเตอรี่ในช่วงนี้ได้
“ฉันรับข้าวในสัดส่วนที่จัดไว้ค่ะ ข้าวสารกิโลครึ่งจะพอทานสำหรับ 2 วัน หากหมดแล้วก็จะมากดรับใหม่อีกครั้ง แม้ฉันจะลำบากในช่วงนี้แต่คนอื่นๆ ก็ลำบากไม่แพ้กัน”
ที่มา: vietnamtimes, baotintuc, tuoitre
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น