CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

ผู้เชี่ยวชาญพบ เหรียญโรมันโบราณที่ถูกพบในอังกฤษ อาจเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติของโบดิก้า

ในช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา นักค้นหาเศษโลหะในประเทศอังกฤษได้ทำการค้นพบเหรียญโรมันโบราณจำนวน 60 เดนาริอัน (ค่าเงินโรมัน) ในพื้นที่ใกล้ๆ หมู่บ้าน Cookley มณฑลซัฟฟอล์ก ประเทศอังกฤษ

 

 

เหรียญโรมันที่ถูกพบนั้น มีความเก่าแก่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ตั้งแต่แบบที่ผลิตขึ้นมาเมื่อ 153 ปีก่อนคริสตกาล เรื่อยไปจนถึงแบบที่ผลิตขึ้นมาในปี ค.ศ. 60-61

นี่อาจจะดูเป็นการค้นพบเหรียญโบราณธรรมดาๆ แต่อ้างอิงจาก คุณ Anna Booth ผู้มีโอกาสได้เข้าตรวจสอบเหรียญที่พบ ดูเหมือนว่าเหรียญที่ถูกพบในครั้งนี้จะมีความพิเศษกว่าที่คิด เพราะมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การปฏิวัติของโบดิก้า ราชินีคนเถื่อนแห่งบริตาเนียก็เป็นได้

 

 

คุณ Anna บอกว่า เหรียญที่ถูกพบเหล่านี้มีความน่าสนใจมากกว่าแค่ที่มูลค่า จากการที่เหรียญซึ่งมีอายุน้อยที่สุดเป็นของที่ถูกทำขึ้นในช่วง ค.ศ. 60-61 ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่โบดิก้าทำการปฏิวัติในพื้นที่พอดี

ดังนั้น มันจึงมีความเป็นไปได้ว่าเหรียญเงินเหล่านี้จะถูกนำมาซ่อนไว้ที่นี่ ในช่วงเวลาที่นักรบของโบดิก้ากับทหารโรมันเริ่มปะทะกัน อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานที่มาจากอายุของเหรียญที่พบเท่านั้น และนักโบราณคดีเองก็ไม่อาจบอกได้เลยด้วยว่าใครกันที่เป็นผู้นำเหรียญเหล่านี้มาซ่อนไว้

 

 

สิ่งเดียวที่พวกเขาค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับคนที่เอาเหรียญเหล่านี้มาซ่อนในอดีตคือคนคนนั้นมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่สำหรับคนในพื้นที่อีสต์แองเกลีย (พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ในทางตะวันออกของอังกฤษ ซึ่งมีมณฑลซัฟฟอล์กร่วมอยู่ด้วย)

นั่นเพราะในช่วงเวลานี้เอง การปฏิวัติของโบดิก้า ผู้ซึ่งมีเป้าหมายที่จะล้างแค้นทหารโรมันที่ข่มขืนลูกสาวและพยายามจะยึดดินแดนของเธอ ได้นำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อทั้ง เมืองโคลเชสเตอร์ (เมืองหลวงของโรมันบริเตน) ลอนดอน และเซนต์อัลบัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่นับพันคน

 

 

แต่แม้ว่าการกระทำของโบดิก้าจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แถมการปฏิวัติของเธอก็จบลงด้วยความล้มเหลวก็ตาม ตำนานของนักรบหญิงคนนี้ก็จะถูกเล่าสืบทอดกันต่อไปในฐานะของฮีโร่ ผู้เคยเป็นที่หวาดกลัวของกองทัพโรมันอยู่ดี

 

ที่มา bbc, thesun และ thevintagenews


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น