การสักบนเรือนร่างเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์เรานิยมทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงได้รับความนิยมอยู่แม้ในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นการสักก็ถือเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงต่อร่างกายเช่นกัน
โดยอาการที่พบได้บ่อยๆ ที่มาจากการสักนั้นก็มีตั้งแต่อาการแพ้ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้
อย่างไรก็ตามในกรณีของชาวญี่ปุ่นวัย 35 ปีผู้ไม่ประสงค์ออกนามแล้ว การสักร่างกายของเขาอาจจะนำมาซึ่งผลร้ายมากกว่าปกติเป็นอย่างมาก
เพราะชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะต้องพบกับอาการตาอักเสบหลังจากการสักเท่านั้น แต่เขายังต้องสูญเสียการได้ยินไปชั่วคราวเพราะการทำกิจกรรมนี้ด้วย
กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถูกค้นพบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยฟุกุโอกะ หลังจากที่มีคนไข้คนหนึ่งเข้ามาขอรับการรักษาในแผนกจักษุวิทยา
โดยในเวลานั้นคนไข้ได้อธิบายอาการของตัวเองว่าเขามีอาการมองเห็นที่ผิดปกติมาได้ 4 เดือนแล้ว ก่อนที่ไม่นานนักทีมแพทย์จะค้นพบว่าชายคนนี้มีอาการภาวะม่านตาอักเสบ
ตัวอย่างภาวะม่านตาอักเสบที่คนไข้ประสบ
ในตอนแรกทีมแพทย์เชื่อว่าคนไข้น่าจะมีภาวะอักเสบนี้จากการสะสมของก้อนแกรนูโลมา ซึ่งรู้จักกันในชื่อโรคซาร์คอยโดสิส อย่างไรก็ตามเมื่อทำการรักษาไปคนไข้กลับมีอาการสูญเสียการได้ยินแทรกซ้อนขึ้นมาอีก
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็มาจากการที่แกรนูโลมาของคนไข้บังเอิญไปก่อตัวอยู่ที่เส้นประสาทในกะโหลกศีรษะ ซึ่งทำให้การเส้นประสาทการได้ยินถูกรบกวนนั้นเอง
นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะที่มาของภาวะอักเสบที่คนไข้ต้องพบนั้น ถูกค้นพบโดยทีมแพทย์ว่า มีโอกาสสูงที่จะมาจากรอยสักอายุ 6 เดือนที่หลังของเขาเอง
รอยสักบนหลังของคนไข้
เพราะในระหว่างการตรวจร่างกายทีมแพทย์ได้พบกับร่องรอยของตุ่มนูนจากการสะสมของแกรนูโลมา จำนวนมากอยู่ตามเส้นน้ำหมึกของตัวรอยสัก
ซึ่งอาการเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งในหมู่ผู้เข้ารับการสัก เนื่องจาก ร่างกายมีปฏิกิริยากับสารเคมีในน้ำหมึก และสามารถแสดงอาการได้หลายเดือนหรือหลายปีหลังการสัก
นับว่าเป็นโชคดีของคนไข้มากที่หลังจากการรักษาด้วยคอร์ติโคสเตียรอยด์ไม่นาน การทั้งการมองเห็นและการได้ยินของคนไข้ก็กลับมาดีดังเดิมอีกครั้ง จนเขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
ภาพผลการตรวจตัวอย่างตุ่มบนผิวหนังคนไข้
จะสามารถเห็นแกรนูโลมาที่มีเม็ดสีสีดำและน้ำตาลจำนวนมาก (ลูกศรสีขาว) ได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของทีมแพทย์เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นการสันนิษฐานที่ถือว่ามีน้ำหนักเป็นอย่างมาก และทีมแพทย์ก็ระบุไว้ในรายงานกรณีศึกษาของเขาด้วยว่า
การพบแกรนูโลมารอบๆ รอยสักที่ค่อนข้างใหม่ ถือเป็นเหตุผลที่มาพอแล้วที่แพทย์จะตรวจร่างกายคนป่วยเพิ่มเติม เผื่อการอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ที่มา sciencealert, bmj
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น