ย้อนกลับไปในช่วงหน้าร้อนของปีก่อน อากาศที่อุ่นขึ้นทำให้มีการค้นพบซากลูกหมาตัวหนึ่ง ภายใต้พื้นน้ำแข็งใกล้แม่น้ำของเมือง Yakutsk ในไซบีเรีย
ความน่าสนใจก็คือ ลูกหมาตัวนี้เป็นซากเต็มตัว ยังคงมีขน ฟัน ลูกตา และถือว่าเป็นซากที่สมบูรณ์แบบมาก เพราะมันถูกความเย็นเก็บรักษามาโดยตลอด
หลังจากการตรวจสอบโดยละเอียด มันมีอายุ 2 เดือนตอนที่ตาย และไม่ใช่ซากของหมายุคนี้ แต่มันตายมาตั้งแต่ 18,000 ปีก่อน
อายุของมัน ทำให้เจ้าลูกหมาได้กลายเป็น “หมาเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์” ไปในทันที
แม้นักวิทยาศาสตร์จะลงความเห็นตรงกันเรื่องอายุและความเก่าแก่ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขายังหาคำตอบไม่ได้ก็คือ จะจัดมันเป็น “หมาบ้าน” หรือ “หมาป่า” กันแน่!?
จนกระทั่งล่าสุด วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยดึกดำบรรพ์ของสวีเดน ซึ่งรับผิดชอบการตรวจซากลูกหมาตัวนี้ ได้อัปเดตความคืบหน้า
“จากการตรวจสอบ พบว่ามันเป็นตัวผู้ เราเลยให้เจ้าหน้าที่รัสเซียตั้งชื่อมัน พวกเขาเรียกมันว่า Dogor ซึ่งเป็นภาษาถิ่นของยาคุตส์ (แหล่งค้นพบ) แปลว่า เพื่อน”
Dr. Sergey Fedorov ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยรัสเซีย ระบุถึงความสับสนเรื่องการจัดประเภทของลูกหมาตัวนี้เอาไว้ว่า
“ศูนย์วิจัยที่ยุโรปคือแหล่งรวม DNA ของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในเคสนี้ พวกเขาก็ยังไม่ทราบจริงๆ ว่าเจ้าหมาดึกดำบรรพ์ มันจะถูกจัดในหมวดหมู่ไหนกันแน่
การตรวจสอบในอนาคตอาจจะบอกเราได้ แต่ก็แทบจะทนรอไม่ไหวเลยล่ะ”
“คุณลองคิดดูสิว่า ร่างของลูกหมาอยู่ใต้ดินในท่าทางและสภาพเดิมมานานกว่า 18,000 ปี โดยไม่มีอะไรมารบกวนมันเลย
ผมต้องค่อยๆ เอาเศษดินหรือสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนร่างกายมันออกอย่างทะนุถนอม ทำมันไปทีละขั้นตอน
มันเกิดขึ้นได้ยากมากๆ ที่เราจะได้เห็นสัตว์ในยุคนั้น คงสภาพสมบูรณ์มาจนถึงตอนนี้ได้”
แม้จะยังไม่มีคำตอบในตอนนี้ แต่เชื่อว่าในอนาคตจะต้องสามารถจัดหมวดหมู่ให้มันได้ว่าเป็นสายพันธุ์ไหนกันแน่!?
แล้วชาวแคทดั๊มบ์ล่ะครับ คิดว่าเจ้าตัวนี้คือ “หมาบ้าน” หรือ “หมาป่า” กันแน่!?
.
เรียบเรียง #ประธานเหมียว
ที่มา: BoredPanda ,Centre for Palaeogenetics
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น