บัณฑิตจบใหม่พา ‘สแตนดี้คุณแม่’ ผู้จากไปร่วมรับปริญญา ‘ผมจะได้รู้ว่าแม่ยังอยู่กับผม’

วันเรียนจบควรจะเป็นวันหนึ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคนๆ หนึ่ง มีครอบครัวมาฉลองความสำเร็จอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หุงหาอาหารกินกันอย่างสนุกสนาน แต่กับบางคนก็อาจไม่มีโอกาสเช่นนั้นในวันพิเศษของพวกเขา…

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีทวิตเตอร์หนึ่งที่เป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ของบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Lyceum of the Philippines ชื่อว่า Paulo John 

ในทวีตนั้นเป็นภาพของเขากับ ‘สแตนดี้’ ของคุณแม่ ที่เขาพามาถ่ายรูปด้วยในวันรับปริญญาของเขา และที่เธอไม่อาจอยู่ตรงนั้นได้ก็เพราะว่าคุณแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว

“ถึงคุณแม่คนที่สวยที่สุดของผม ลูกชายคนโตของแม่เรียนจบแล้วนะ ผมหวังว่าคุณแม่จะมีความสุขในดินแดนของพระเจ้า ที่ผมบากบั่นเรียนจนจบเพราะนี่เป็นสิ่งที่แม่ต้องการมาตลอด ผมรักแม่มากนะ” แคปชั่นทวีต

เรื่องราวของเขาถูกแชร์กันออกไปมากมาย ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจหลายพันคน อีกทั้งยังมีคนจำนวนมากบอกว่าสัมผัสได้ถึงความรักที่บัณฑิตคนนี้มีให้ต่อผู้เป็นแม่

ข้อความให้กำลังใจถูกส่งเข้ามาอย่างมากมาย

ในเวลาต่อมาทางผู้สื่อข่าวก็เข้าไปสัมภาษณ์บัณฑิตสาขาบริหารธุรกิจคนนี้ เขาก็เล่าให้ฟังว่าจริงๆ แล้วมันเป็นความฝันของเขาที่จะได้เข้าพิธีรับปริญญาโดยที่มีแม่มายืนอยู่ข้างๆ

แต่ว่าคุณแม่ก็จากไปอย่างน่าเศร้าในปี 2016 จากภาวะแทรกซ้อนของโรคปอดบวม

“ผมทำสแตนดี้นี้ขึ้นมาเพื่อให้อย่างน้อยก็รู้สึกได้ว่าแม่อยู่กับผมในวันที่ผมเรียนจบ การเรียนจบจากวิทยาลัยของผม เป็นความฝันที่เราทั้งคู่มีร่วมกัน” Paulo กล่าว

สำหรับสแตนดี้ของคุณแม่ Paulo บอกว่าเขาได้ขอให้ทางร้านทำให้มีความสูงเท่าตัวจริงของคุณแม่ เพื่อให้มีความเสมือนจริงมากที่สุด สแตนดี้นี้จึงมีความสูงอยู่ที่ 157 เซนติเมตร

ซึ่งเมื่อสแตนดี้ถูกส่งถึงเขา Paulo ก็บอกว่าเขาร้องไห้ออกมาเพราะคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงที่แม่ของเขากลับมาหาอีกครั้ง

“แม่เลี้ยงผมมาคนเดียวตลอดระยะ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เราสนิทกันมากๆ และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ส่งผมเรียนแม่ก็ไม่เคยขอจากพ่อเลี้ยงเลย นี่เป็นเงินของแม่กับคุณป้าที่ช่วยกันส่งเสียผม” 

https://twitter.com/paudaexplorer/status/1151022360192925697

“การได้พาสแตนดี้คุณแม่มางานพิธีรับปริญญา ผมมีความสุขมากๆ เพราะผมรู้สึกว่าแม่ของผมอยู่กับผมตรงนี้ด้วย” Paulo กล่าวทิ้งท้าย

เรียบเรียงโดย: #เหมียวจิวยี่ 

ที่มา: yahoo, worldofbuzz