บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ‘การล่าวาฬ’ ที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ตัดสินใจที่จะไม่ล่าวาฬในปีนี้ ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้จะช่วยให้วาฬกว่า 100 ชีวิตรอดตาย
ย้อนกลับไปในปี 2018 วาฬมิงค์ วาฬฟิน และวาฬเซ ตกเป็นเป้าหมายของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการล่าวาฬในน่านน้ำของไอซ์แลนด์ ทำให้พวกมันกว่า 152 ชีวิตถูกฆ่าตายและถูกนำชิ้นส่วนไปแปรรูป
ล่าสุดบริษัท Hvalur HF หนึ่งในบริษัทล่าวาฬที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ได้ออกมาประกาศว่าในปีนี้พวกเขาจะไม่ทำการล่าวาฬแม้แต่ตัวเดียว
โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ มีความต้องการเนื้อวาฬ หรือชิ้นส่วนต่างๆ ลดลง เนื่องจากว่าพวกเขาสามารถล่าเองได้แล้ว
ทางผู้บริหารจึงมองว่าเป็นการลงทุนที่ ‘ได้ไม่คุ้มเสีย’ ก็เลยตัดสินใจที่จะไม่นำเรือออกไปล่าวาฬในปีนี้ นับเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้วที่บริษัทไม่ได้ทำการล่าวาฬ
นอกจากนี้ทางบริษัทเองยังบอกอีกว่า ปัญหาเรื่องสาธารณะสุขที่เกิดขึ้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทของพวกเขาไม่สามารถออกไปล่าวาฬในปีนี้ได้ เพราะเหล่าคนงานต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกันซึ่งขัดกับนโยบายการเว้นระยะห่างทางสังคมของรัฐ
อย่างไรก็ตามมันอาจจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีของเหล่านักกิจกรรมที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการล่าวาฬ แต่ในแง่ของบริษัทและคนงานแล้ว พวกเขาอยู่ได้ด้วยการล่าวาฬ
จากการที่ไม่สามารถออกไปล่าวาฬก็ย่อมต้องทำให้บริษัทประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ซึ่งทางบริษัทเองก็ต้องพยายามรับมืออย่างเต็มที่
‘การล่าวาฬ’ เป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปี จนกระทั่งในปี 1986 ได้มีการก่อตั้งหน่วยงาน International Whailing Commission (IWC) ขึ้นมา
และทำการประกาศแบนไม่ให้มีการล่าวาฬ โดยการขอความร่วมมือจากหลายๆ ประเทศ แน่นอนว่าหลายประเทศเองก็ให้ความร่วมือ แต่ประเทศไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงดำเนินการล่าวาฬต่อไป
องค์กร World Wide Fund for Nature (WWF) เปิดเผยว่ามีวาฬกว่า 31,000 ตัว ถูกล่าโดยประเทศที่ยังคงอนุญาตให้มีการล่าวาฬต่อไปแม้จะมีการขอความร่วมมือให้ยกเลิกแล้วก็ตาม
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น