CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

จับกุมแก๊งนักเรียนแสบ แอบใส่ “น้ำสีขาวขุ่น” สอดไส้เครปให้ครูที่โรงเรียนกิน

เด็กๆ หรือวัยรุ่นนั้นเป็นช่วงอายุที่มีความคึกคะนองในตัว และอาจจะมีการเล่นอะไรแผลงๆ ตามเพื่อนกันอยู่บ้าง แต่มันก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาถ้าการกระทำนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร

แต่เราก็มักเห็นว่าหลายๆ ครั้งการแกล้งกันหรือเล่นสนุกของเด็กๆ นั้นมันมีความเลยเถิดจนมีคนเดือดร้อน ได้รับบาดเจ็บ บางครั้งก็ถึงขั้นเสียชีวิตเลยเถิดเป็นคดีความไป

 

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงเรียน Hyatts Middle School ในเมืองโพเวลล์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปต้นเรื่องเมื่อตอนเดือนพฤษภาคม 2019

ในตอนนั้นที่โรงเรียนมีการจัดการแข่งขันทำอาหารขึ้น โดยกรรมการตัดสินประจำห้องเรียนนั้นเป็นคุณครู 2 ท่าน เป็นครูผู้หญิงวัย 24 ปี และครูผู้ชายวัย 49 ปี

 

 

และกลุ่มเด็กนักเรียนชาย 7-8 คน อายุ 14-15 ปีก็ตัดสินใจจะเล่นแผลงๆ ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยการเติม “น้ำอสุจิ” ของตนเองลงไปในเครป ก่อนนำไปเสิร์ฟให้กรรมการทั้ง 2 คนได้ชิมเพื่อตัดสิน

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น มีการบันทึกคลิปวิดีโอเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาใส่ของเหลวดังกล่าวลงในอาหาร ไปจนถึงตอนที่คุณครู 2 คนตักเข้าปากตัวเอง

 

ภาพประกอบบทความจาก pixabay

 

เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้น เพราะคลิปวิดีโอนั้นถูกส่งต่อจนแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนรวมทั้งฝ่ายปกครองของโรงเรียนด้วย การเล่นแผลงครั้งนี้จึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและคดีความเข้ามาเกี่ยวข้องในทันที

หลังจากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่และมีการสอบสวน เด็กนักเรียนทั้ง 7 คนก็รับสารภาพต่อสิ่งที่ทำลงไป นอกจากนี้ยังสารภาพด้วยว่าทีแรกมีการวางแผนว่าจะใส่น้ำปัสสาวะลงไปในอาหารด้วย

 

 

นักเรียนทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกแจ้งข้อหาต่างๆ มีทั้งความผิดทางอาญาอย่างการกระทำอนาจารต่อผู้อื่น ด้วยการนำเอาน้ำอสุจิผสมในอาหารให้ครูทาน และทั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิด ปลอมแปลงหลักฐานอีกด้วย

ทางโรงเรียนได้กล่าวว่า “นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจน เด็กๆ ถูกชี้นำโดยสื่อบนยูทูบและโซเชียลมีเดียได้ง่ายแค่ไหน พวกเขาได้รับบทเรียนราคาแพงแล้ว และเราก็รู้สึกแย่แทนคุณครูทั้ง 2 คนอย่างมาก”

เหล่าเด็กๆ ที่เป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะต้องเข้ารับฟังการพิจารณาคดีและแสดงตัวในชั้นศาลต่อไป

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวม่วง

ที่มา LADbible และ NYPost


Posted

in

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น